นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นหลังจากวานนี้ปรับฐานเล็กน้อย ขณะที่หลายตลาดในภูมิภาคยังปิดทำการในเทศกาลตรุษจีน แต่ดาวโจนส์เมื่อคืนปรับตัวขึ้นตอบรับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯที่ออกมาดี อีกทั้งช่วงนี้ปัจจัยเสี่ยงของตลาดยังไม่มากนัก โดยสงครามการค้ายังคืบหน้าในทางที่ดี และราคาน้ำมันอ่อนตัวลงเล็กน้อย
วันนี้ต้องจับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.75% และการแถลงนโยบายประจำปีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันนี้ด้วย
สำหรับบ้านเราต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ส่วนการเลือกตั้งก็เป็นไปตาม Step รวมทั้ง MSCI จะประกาศ MSCI Quarterly Index Review ในวันที่ 11 ก.พ.นี้ ซึ่งมีนัยสำคัญต่อตลาดฯ
พร้อมให้แนวรับ 1,645 จุด ส่วนแนวต้าน 1,658 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (5 ก.พ.62) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,411.52 จุด เพิ่มขึ้น 172.15 จุด(+0.68%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,402.08 จุด เพิ่มขึ้น 54.55 จุด (+0.74%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,737.70 จุด เพิ่มขึ้น 12.83 จุด (+0.47%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 84.42 จุด, +0.40%
ส่วนตลาดหุ้นจีน ตลาดหุ้นฮ่องกง ตลาดหุ้นไต้หวัน ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ตลาดหุ้นสิงคโปร์ และตลาดหุ้นมาเลเซีย ปิดทำการวันนี้เนื่องในเทศกาลตรุษจีน
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (5 ก.พ.62) 1,653.09 จุด ลดลง 0.53 จุด (-0.03%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 362.01 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 ก.พ.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (5 ก.พ.62) ปิดที่ 53.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 90 เซนต์ หรือ 1.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 ก.พ.62) ที่ 2.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.24 ตลาดรอติดตามการแถลงนโยบายประจำปีของทรัมป์-ผลประชุมกนง.วันนี้
- "คมนาคม-อุตสาหกรรม" เคาะแผนพัฒนาอุตสาหกรรมระบบราง ดันตั้งโรงงานผลิตรถไฟฟ้าในประเทศ เตรียมชง ครม. กำหนดเป็นเงื่อนไขในทีโออาร์ประมูลรถไฟฟ้า เริ่มปี 63 ประมูลระบบราง รถต้องผลิตในประเทศหรือมีแผนตั้งโรงงาน และปี 68 เป็นต้นไปใช้เต็ม 100% ทั้งตัวรถไฟ ระบบอาณัติสัญญาณ คาดสร้างเม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่าปีละ 500 ล้าน ประหยัดค่าซ่อมบำรุง 4.3 พันล้านบาท
- กกร.หารือวันนี้ เตรียมสรุปประเด็นเสนอรัฐบาลช่วยลดผลกระทบ, เอกชนหวั่นส่งออกปี 2562 สะดุด หลังเจอปัจจัยลบค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง ย้ำต้องการให้สะท้อนภูมิภาค เพื่อศักยภาพการแข่งขัน
- "สมคิด" สั่งพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางดันผลิตตัวรถไฟในประเทศ หวังลดต้นทุนไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้าน/ปี
- แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า กระทรวงการคลังมอบให้ฝ่ายบริหารของธนาคารทีเอ็มบีเร่งแผนเจรจาควบรวมกิจการระหว่างทีเอ็มบีกับธนาคารธนชาตให้แล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จากกำหนดเดิมจะให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งยังมีรายละเอียดที่ต้องเจรจากันพอสมควร
- การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันได้แก่ ส.อ.ท.สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย (กกร.) วันที่ 6 ก.พ.นี้ จะหารือภาพรวมเศรษฐกิจ โดยเฉพาะแนวโน้มอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาเนื่องจากเป็นปัจจัยสำคัญที่ภาคเอกชนมีความกังวลว่าจะกระทบต่อขีดความสามารถทางการแข่งขันในการส่งออกของไทย จึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาทให้อยู่ในภาวะสมดุลที่สอดรับกับภูมิภาคเป็นสำคัญ
*หุ้นเด่นวันนี้
- BCP (คันทรี่ กรุ๊ป) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 41 บาท คาดกำไรสุทธิเติบโต 110% ในปี 62 จากการกลั่นน้ำมันเต็มปีราว 115 KBD ไม่มีปิดซ่อมบำรุงใหญ่ ถัดมามองค่าการกลั่นจะกลับมาฟื้นตัวเด่นใน H2/62 จาก IMO regulation 20 ที่บังคับใช้โดยบริษัทได้ประโยชน์มากจากการกลั่นน้ำมันดีเซลเป็นสัดส่วน 53% ของทั้งหมด รวมถึงเป็นช่วงฤดูกาลขับขี่ นอกจากนี้มองรายได้ธุรกิจโรงกลั่นยังมีทิศทางเป็นบวกในช่วง 1-3 ปีจากการขยายกำลังผลิตเพิ่มเป็น 17% ในปี 20 ช่วยยืดระยะเวลาปิดซ่อมบำรุงออกไปเป็น 30 เดือน จากเดิม 18 เดือน
- ERW (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 8.2 บาท รับผลบวกภาครัฐขยายเวลาฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่า (VOA) ไปถึงเดือน เม.ย. หนุนนักท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ด้านผลประกอบการคาดกำไร Q4/61 ฟื้นตัวเด่นจาก high season และแนวโน้ม Q1/62 คาดกำไรโตต่อเนื่องจากการที่โรงแรม JW Marriott กลับมาดำเนินการปกติจากที่ปิด Renovate ไปในช่วงปีที่ผ่านมา
- QH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 3.70 บาท คาดกำไรปกติ Q4/61 แตะ 1.1 พันลบ. (+20% Q-Q, +23% Y-Y) จากการโอนคอนโดหรูอย่าง Q-Sukhumvit มูลค่า 1 หมื่นลบ. (ขายแล้ว 25%) ส่วนกำไรปกติทั้งปี 2561 คาดจบที่ 3.7 พันลบ. (+35% Y-Y) ด้าน PE ต่ำเพียง 9 เท่า ปันผลสูงเฉพาะ H2/61 คาด 0.13 บ./หุ้น Yield 4.3% และถูกกระทบจากมาตรการคุมอสังหาฯ น้อยสุด