บมจ.แสนสิริ(SIRI)เปิดเผยว่า ในปี 51 บริษัทตั้งเป้ายอดขายรวม 2 หมื่นล้านบาท เน้นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยครบวงจร โดยในปีนี้มีแผนเปิด 15 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 15,300 ล้านบาท และปัจจุบันมีงานในมือ(Backlog)รอรับรู้รายได้ใน 1-3 ปี รวมประมาณ 21,500 ล้านบาท
"ในปีนี้จะให้ความสำคัญในการขยายการลงทุนอย่างมีวินัยและการเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้ หากพิจารณาจากโครงการที่เรามีอยู่เดิมต่อเนื่องจากปีก่อนจะทำให้บริษัทและบริษัทในเครือมีโครงการที่อยู่อาศัยรองรับการขายในปีนี้อย่างน้อย 54 โครงการ"นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ SIRI กล่าว
สำหรับโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวปีนี้ แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 5 โครงการ มูลค่าประมาณ 6 พันล้านบาท, คอนโดมีเนียม 6 โครงการ มูลค่า 5.8 พันล้านบาท และโครงการทาวเฮ้าส์ประมาณ 4 โครงการ รวมมูลค่า 3.5 พันล้านบาท ซึ่งจะทำให้มูลค่าโครงการที่จะพัฒนาใหม่ในปีนี้ 15,300 ล้านบาท
นายเศรษฐา กล่าวว่า ปี 51 ตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้ 1.7 หมื่นล้านบาท โต 20-25% จากปี 50 ที่มียอดรับรู้รายได้ 1.3 หมื่นล้านบาท เป็นการขยายทุก segment ที่มีอยู่ และคาดว่ากำไรในปี 51 จะดีกว่าปี 50 เนื่องจากแผนการลดค่าใช้จ่ายในปีนี้ที่จะลดให้ได้ 10% จากปีก่อนที่มีค่าใช้จ่ายทั้งปี 2.4 พันล้านบาท ขณะที่คาดอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 30%
ปัจจุบันบริษัทมียอดขายล่วงหน้ารอรับรู้รายได้ในช่วง 1-3 ปี ประมาณ 21,500 ล้านบาท ถือเป็นยอดขายล่วงหน้าที่สูงสุดในวงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะเป็นฐานรายได้สำคัญในการสร้างความมั่นคงระยะยาวให้กับบริษัท
นอกจากนี้ บริษัทมีงบลงทุนซื้อที่ดิน จำนวน 3.3 พันล้านบาท แหล่งเงินมาจากกระแสเงินสดของบริษัท และจะไม่กระทบอัตราส่วนหนี้สินต่อทน (D/E)ที่ปัจจุบันอยู่ที่ 1.5 เท่า เราจะพยายามลด D/E ให้เหลือ 1 -1.2 เท่าในปีนี้
นายเศรษฐา กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับราคาขายบ้าน 5% จากราคาเฉลี่ยหลังละ 4.3 ล้านบาท/ยูนิต เพราะราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นส่งผลให้ต้นทุนวัสดุก่อสร้างเพิ่มตามไปด้วย ซึ่งคาดว่าการปรับราคาจะเห็นก่อนไตรมาส 2/51 แต่ช่วงนี้ยังสามารถตรึงราคาไว้ก่อน
และในไตรมาส 4/50 จะมีการรับรู้รายได้จากการขายเงินลงทุนของบริษัท สิริภูเก็ต จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย โดยบริษัทได้รับกำไรหลังหักภาษี 110 ล้านบาท
*รอจังหวะขายหุ้นเพิ่มทุนภายในปีนี้
สำหรับความคืบหน้าขายหุ้นเพิ่มทุน 1,400 ล้านหุ้น บริษัทยังคงแผนงานดังกล่าวไว้เมื่อจะเลื่อนมาจากปีก่อน และคาดว่าจะสามารถขายหุ้นเพิ่มทุนภายในปี 51 แต่ขณะนี้ขอรอดูจังหวะที่เหมาะสมทั้งภาวะตลาดหุ้น และผลกระทบจากปัญหาซับไพร์ม รวมถึงราคาที่จะขายจะต้องเป็นไป ตามกำหนดที่ราคา 4.28 บาท/หุ้น แต่ปัจจุบัน ราคาในกระดานอยู่ที่ 3.50 บาท/หุ้น ซึ่งต่ำกว่าราคาเสนอขาย
หากบริษัทยังไม่สามารถเพิ่มทุนในปีนี้ ก็จะไม่กระทบต่อแผนงาน เพราะมีเงินสดอยู่ในมือราว 1.2 พันล้านบาท สามารถรองรับการขยายธุรกิจ
"ช่วงกลางปี 50 เราคิดการขายหุ้นเพิ่มทุนได้ในราคา 4.28 บาท เพราะราคาหุ้นในกระดานได้ปรับขึ้นไปใกล้เคียงกับราคาที่กำหนด แต่ดันมาเจอปัญหาซับไพร์ม ทำให้การเพิ่มทุนลำบาก เพราะการเพิ่มทุนครั้งนี้เยอะคงไม่สามารถพึ่งเงินในประเทศอย่างเดียว และเราไม่มีนโยบายที่จะขายหุ้นที่บริษัทถือหุ้นอยู่" นายเศรษฐา กล่าว
ปิดเที่ยง ราคาหุ้น SIRI อยู่ที่ 3.44 บาท ลดลง 0.02 บาท (-0.58%)
ส่วนแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 51 จะขยายตัวต่อเนื่อง คาดโตประมาณ 8-12% แต่จะไม่โตก้าวกระโดด และในปีนี้ผู้ประกอบการรายใหญ่ยังคงครองตลาดส่วนใหญ่ไว้ได้ แต่ในส่วนรายย่อยอาจจะลำบาก แต่ในภาพรวม เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว เชื่อว่าบรรยากาศการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์จะกลับมาเหมือนเดิม
โดยเฉพาะหากรัฐบาลใหม่ มีนโยบายปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรือคงอัตราดอกเบี้ย ก็จะช่วยให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากขึ้น ซึ่งควรจะยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30%
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/นิศารัตน์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--