โบรกเกอร์เห็นพ้องแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) เล็งผลดำเนินงานปี 62 ฟื้นตัวจากเล็งได้ประโยชน์จากนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐฯ ทั้งการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าขยายไปถึง 30 เม.ย.62 , การเปิดขอวีซ่าออนไลน์ (Thai eVisa) ให้กับนักท่องเที่ยวจีน จึงมองตลาดท่องเที่ยวมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีและเร็วกว่าคาด
นอกจากนี้ ปีนี้บริษัทฯมีแผนขยายโรงแรมเพิ่มอีก 9 แห่ง แบ่งเป็น โรงแรมใหญ่ 2 แห่งอย่าง Mercure และ IBIS ที่ซอยสุขุมวิท 24 และ Hop Inn ในประเทศ 7 แห่ง พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 62 ในกรอบ 608-611 ล้านบาท เติบโต 13.6-16% จากปีก่อน
สำหรับกำไรสุทธิไตรมาส 4/61 คาดจะอยู่ที่ 169-179 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ หลังจากกลับมาเปิด JW Marriot ทั้งหมด 441 ห้อง พร้อมกับปรับราคาห้องพักที่ Renovate ใหม่ขึ้นอีก 10% ขณะเดียวกันยังเปิดโรงแรมใหม่อีก 2 แห่ง ได้แก่ Novotel & Ibis style ซ.สุขุมวิท 4 แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะปรับตัวดีขึ้น แต่ว่าโรงแรมในต่างจังหวัดยังไม่ฟื้นตัว แต่อย่างไรก็ดีคาด EBITDA/Sales จะดีขึ้น
ราคาหุ้น ERW บ่ายวันนี้อยู่ที่ 7.50 บาท ลดลง 0.10 บาท (-1.32%) ขณะที่ SET -0.13%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) บัวหลวง ซื้อ 8.20 เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 8.10 ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ซื้อ 9.00 ฟิลลิป (ประเทศไทย) ทยอยซื้อ 8.40 ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ซื้อ 8.50
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์บุคคล บล.บัวหลวง มองทิศทางผลการดำเนินงานไตรมาส 1/62 ของ ERW น่าจะอยู่ในเกณฑ์ที่ดี จากยอดจองโรงแรมที่เข้ามาต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ และเทศกาลตรุษจีน เป็นต้น จึงคาดการณ์กำไรสุทธิ ปี 62 ของ ERW จะเติบโตที่ 16% จากปีก่อน
ขณะที่ปี 62 ถือเป็นปีแห่งการฟื้นตัวของกลุ่มท่องเที่ยว หลังจากชะลอตัวไป โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยจะทำสถิติสูงสุดที่ 41 ล้านรายในปี 62 ขณะเดียวกันยังได้ประโยชน์จากการสนับสนุนนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐฯอีกด้วย
ด้านบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า กำไรสุทธิไตรมาส 4/61 คาดจะอยู่ที่ 169 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% YoY และเพิ่มขึ้น 308% QoQ เนื่องจากไม่มีการปิดปรับปรุง JW Marriott เหมือนในไตรมาส 4/60 และไม่มีค่าใช้จ่ายในการเปิดโรงแรมใหญ่ 2 โรงเหมือนในไตรมาส 3/61
ส่วนในแง่ของรายได้เฉลี่ยต่อห้องที่ไม่รวม Budget (Rev Par) คาดว่าจะทรงตัวได้เมื่อเทียบ YoY โดยโรงแรมในกรุงเทพฯยังเติบโตได้ดี ทั้ง Occupancy Rate และ Room Rate และมีการเปิดโรงแรมใหญ่อีก 2 แห่ง คือ Novotel สุขุมวิทซอย 4, IBIS Style สุขุมวิทซอย 4 เมื่อวันที่ 1 ต.ค.61 ขณะที่ต่างจังหวัดยังหดตัวลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สมุย และภูเก็ต ส่วน Hop-Inn ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยเปิดเพิ่มอีก 2 แห่ง ที่ชลบุรี และฟิลิปปินส์
พร้อมคาดกำไรสุทธิในปี 62 จะอยู่ที่ 611 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% YoY โดยการเติบโตจะมาจากการเปิดโรงแรม Hop-Inn ในไทยอีก 7 แห่ง และอีก 2 โรงแรมใหญ่อย่าง Mercure และ IBIS ที่ซอยสุขุมวิท 24
ส่วนบล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯคาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/61 ของ ERW จะอยู่ที่ 179 ล้านบาท เติบโต 11.2% YoY หลังจากกลับมาเปิด JW Marriot ทั้งหมด 441 ห้อง โดยในช่วงเดือนส.ค.-ธ.ค.60 ได้ปิดปรับปรุง (เฟสแรก) 129 ห้อง พร้อมกับปรับราคาห้องพักที่ Renovate ใหม่ขึ้นอีก 10% ขณะเดียวกันยังเปิดโรงแรมใหม่อีก 2 แห่ง ได้แก่ Novotel & Ibis style ซ.สุขุมวิท 4 ซึ่งถือเป็นช่วง Ramp up, คาดอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 55-60%
แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะปรับตัวดีขึ้น แต่ว่าโรงแรมในต่างจังหวัดยังไม่ฟื้นตัว โดยเฉพาะในสมุย พัทยา ภูเก็ต ทำให้คาดอัตราการเข้าพัก (ไม่รวม Hop Inn) จะลดลง 3% และ รายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) (ไม่รวม Hop Inn) ลดลง 1-2% YoY แต่อย่างไรก็ดีคาด EBITDA/Sales จะดีขึ้นที่ 32.1% จากช่วงปีก่อน 31.7% โดยไตรมาสนี้ขยาย Hop Inn เพิ่ม 2 แห่ง ใน จ.เชียงใหม่ 1 แห่ง และฟิลิปปินส์ (เมือง Quezon) 1 แห่ง
สำหรับปี 62 บริษัทมีแผนขยายโรงแรมเพิ่มอีก 9 แห่ง แบ่งเป็น โรงแรมใหญ่ 2 แห่ง และ Hop Inn ในประเทศ 7 แห่ง ขณะที่ตลาดท่องเที่ยวมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีและเร็วกว่าคาดจากมาตรการรัฐเข้ามาหนุน อย่างเช่น การยกเว้นค่าธรรมเนียม VOA ขยายไปถึง 30 เม.ย.62 , การเปิดขอวีซ่าออนไลน์ (Thai eVisa) ให้กับนักท่องเที่ยวจีน โดยเริ่ม 15 ก.พ.นี้ จึงคาดกำไรสุทธิปี 62 จะเติบโตขึ้นเล็กน้อยเป็น 608 ล้านบาท สูงขึ้น 13.6% YoY