ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ตั้งเป้าธุรกิจในปี 51 สินเชื่อรวมจะขยายตัวในระดับ 12-15% จากปีก่อนที่ขยายตัวถึง 16% ขณะที่มีเป้าหมายลดสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ให้เหลือ 5% จากที่อยู่ในระดับ 6.1% ณ สิ้นปี 50 พร้อมกันนั้น ธนาคารมีแผนจะขยายสาขาเพิ่มอีก 70 แห่ง และติดตั้งเครื่อง ATM เพิ่มอีก 1,000 เครื่อง
ขณะที่ธนาคารคาดว่าในปีนี้จะมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ(NIM) อยู่ที่ 3.5-3.7% และ อัตราผลตอบแทนจากส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ 17%
นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCB กล่าวว่า อัตราการขยายตัวของสินเชื่อรวมปีนี้และปีที่แล้ว หากคิดเป็นเม็ดเงินไม่ต่างกัน แต่หากมองที่อัตราการขยายตัวอาจดูลดลงมาก เพระฐานสินเชื่อของธนาคารที่ใหญ่ขึ้น
สำหรับเป้าหมายการขยายตัวของสินเชื่อแต่ละประเภทในปีนี้นั้น SCB ตั้งเป้าสินเชื่อรายใหญ่ขยายตัว 12% จาก 10% ในปีก่อน โดยจะเน้นไปที่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมกลุ่มพลังงานทดแทน รวมทั้งกลุ่มท่องเที่ยวที่ประเทศไทยยังมีศักยภาพโดดเด่น และกลุ่มก่อสร้างที่ได้อานิสงค์จากการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็คต์
"หากธุรกิจพวกนี้ดี ก็จะส่งผลธุรกิจอื่นๆ ดีตามด้วย...สิ้นเชื่อปีนี้ตั้งเป้าโต 12-15% หรือคิดเป็นเม็ดเงิน 1 แสนล้านบาท จากปีที่แล้วที่โต 16% หรือ ประมาณ 1.2 แสนล้านบาท" นางกรรณิกา กล่าว
สำหรับสินเชื่อ SMEs ในปีนี้อาจเติบโตลดลงเหลือ 20% กว่า ๆ จากที่เติบโตในระดับ 39% ในปีก่อน เนื่องจากที่ผ่านมาธุรกิจ SMEs มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการเพิ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ขึ้นมา แต่ปัจจุบันฐานกว้างขึ้นทำให้มีอัตราการขยายตัวต่ำลง
ในส่วนของสินเชื่อลูกค้ารายย่อยคาดว่าจะขยายตัวประมาณ 10% กว่าๆ จากฐานที่ใหญ่ขึ้น รวมทั้ง สินเชื่อลีสซิ่งที่มองว่าปีนี้จะเติบโต 20% กว่า จาก 44% ปีก่อน เพราะฐานที่ใหญ่ขึ้นเช่นกัน
นางกรรณิกา กล่าวว่า ธนาคารเชื่อว่าในปีนี้จะสามารถลด NPL ลงได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีการจัดการบริหารความเสี่ยงที่ดีขึ้น และมีการขาย NPLs ออกไป โดยปีนี้มีแผนขาย NPLs อีกราว 1 หมื่นล้านบาท พร้อมทั้ง มีแนวทางป้องกันไม่ให้เกิด NPLs ใหม่และ Re-entry NPL
ธนาคารยังมุ่งเน้นเสริมความแข็งแกร่ง ด้านกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ขยายฐานลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและย่อมอย่างต่อเนื่อง และลูกค้าบุคคล(retail)จากฐานเก่าที่แข็งแรง แม้ว่า Growth Rate จะต่ำ แต่ยังขยายตัวต่อ รวมทั้งการเสริมสร้างระบบบริหารความเสี่ยง การเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงาน
ส่วนของการตั้งสำรองปีนี้คงจะตั้งในอัตราที่สูงเหมือนเดิมปกติประมาณ 80% ของสินเชื่อ แต่การสำรองปีนี้เป็นการตั้งสำรองตามปกติที่ประมาณ 300 ล้านบาท/เดือน ส่วนธุรกิจลีสซิ่งสำรองอยู่ที่ปีละ 400-500 ล้านบาท
NIM ปีนี้ลดลง เหลือ 3.5-3.7% จากปีที่แล้ว 3.8% เนื่องจากต้นทุนเงินฝากของธนาคาแพงขึ้นจากการปรับดอกเบี้ย ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยังปรับขึ้นไม่ได้มากนัก เริ่องนี้ธนาคารก็จะพยายามจัดการเพื่อจะรักษาอัตราผลกำไร ด้วยการพยายามไปลด Cost โดยปีนี้ธนาคารตั้งเป้าลด cost to income เหลือ 52% จาก 53% และจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นเป็น 40% จากปีก่อนที่ 37%
นางกรรณิกา กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้ว่า คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโต 4.5-5% จาก 4.6% ในปีที่ผ่านมา ปัจจัยหนุนมาจากความเชื่อมั่นที่จะเพิ่มขึ้น การใช้จ่ายภาครัฐ โครงการลงทุนขนาดใหญ่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่น่าจับตา คือ เรื่องของเสถียรภาพและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และความแปรปรวนของปัจจัยเสี่ยงนอกประเทศ เช่น ปัญหาซับไพร์ม ราคาน้ำมัน และสถานการณ์การเมืองในภูมิภาคต่าง ๆ และกฏเกณฑ์ของทางการที่อาจส่งผลต่อโอกาสทางธุรกิจและเงินกองทุนของธนาคาร
--อินโฟเควสท์ โดย อภิญญา วุฒิเมธากุล/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--