นายธิติ ตันติกุลานันท์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) กล่าวถึงกลุ่มธุรกิจตราสารหนี้ในปี 62 ว่า ธนาคารตั้งเป้ารักษาส่วนแบ่งการตลาดด้านการค้าตราสารหนี้เป็นอันดับหนึ่งต่อเนื่องในระดับไม่ต่ำกว่า 20% คิดเป็นมูลค่าราว 1.74 แสนล้านบาท โดยมองว่าตราสารหนี้ยังเป็นแหล่งระดมทุนที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการในประเทศ ซึ่งทิศทางการออกตราสารหนี้ของไทยในปีนี้มีโอกาสเติบโตขึ้นจากมีสภาพคล่องสูงและอัตราดอกเบี้ยยังต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังมองว่าไทยเป็นแหล่งพักเงินทุนที่ปลอดภัยและมีโอกาสเก็งกำไรจากค่าเงินบาทได้
ปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นกู้ในไทยราว 9.7 แสนล้านบาท ซึ่งมีโอกาสที่จะเติบโตเพิ่มไปแตะที่ระดับ 1 ล้านล้านบาทได้ จากความน่าสนใจในการลงทุนของประเทศไทยที่มีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 7.4% ของ GDP ส่งผลให้คาดว่าจะมีกระแสเงินไหลเข้าต่อเนื่อง
ในปี 62 ธนาคารมองว่าตลาดตราสารหนี้ไทยมีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้ เนื่องจากมีตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาวที่ครบกำหนดไถ่ถอนประมาณ 5 แสนล้านบาท ประกอบกับความต้องการระดมทุนใหม่จากผู้ออกตราสารหนี้ จึงคาดว่าจะมีมูลค่าการออกตราสารหนี้ระยะยาวของภาคเอกชนที่ 8.7 แสนล้านบาท เติบโตประมาณ 3-4% จากมูลค่าในปี 61 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 8.4 แสนล้านบาท (รวมตราสารหนี้ที่ออกและเสนอขายโดยผู้ออกตราสารหนี้เอง) แต่จะมีความท้าทายมากขึ้นจากความผันผวนของสภาพตลาด
ทั้งนี้ ธนาคารยังคงมีเป้าหมายในการเป็นสถาบันการเงินที่ให้บริการตราสารหนี้ที่เป็นเลิศ และพร้อมสร้างประสบการณ์การทำงานแบบมืออาชีพในการดูแลทั้งด้านผู้ออกตราสารหนี้และนักลงทุน รวมไปถึงให้การสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐในการพัฒนาและใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ อาทิเช่น Blockchain เข้ามาใช้เป็นโครงสร้างพื้นฐานในตลาดตราสารหนี้ไทย
นอกจากนี้ ประเทศไทยจะนำมาตรฐานรายงานทางการเงินระหว่างประเทศ IFRS 9 และ IFRS16 มาใช้ในปี 63 โดย IFRS9 กำหนดให้มีการ Mark to Market อนุพันธ์ทางการเงินที่ทำให้เกิดความผันผวนในงบกำไรขาดทุน ส่วน IFRS16 เปลี่ยนวิธีการบันทึกสัญญาเช่าดำเนินงานจากค่าใช้จ่ายเป็น Finance Lease Liability ซึ่งจะมีผลกระทบต่ออัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญของบริษัท ธนาคารได้จัดเตรียมทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำแนะนำทั้งการใช้เครื่องมือบริหารความเสี่ยงและผลกระทบทางบัญชี (Hedge Accounting) ไว้พร้อมบริการลูกค้า เพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถบริหารจัดการกระแสเงินสดสกุลเงินต่างประเทศ บริหารต้นทุน และบริหารจัดการ Structured Balance Sheet ได้ดียิ่งขึ้นพร้อมสะท้อนผลการดำเนินงานดังกล่าวในงบการเงินได้อย่างเหมาะสม
นายธิติ กล่าวว่า ในปี 61 ธนาคารกสิกรไทยยังคงเป็นผู้นำทั้งทางด้านการค้าตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนในตลาดรองและด้านการออกและการจัดจำหน่ายตราสารหนี้ภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจ (Corporate Bond and SOE Underwritings) โดยมีมูลค่ารวมของการจัดจำหน่ายตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาวที่ขึ้นทะเบียนกับสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยสูงสุดเป็นอันดับ 1 คิดเป็นมูลค่า 173,288.09 ล้านบาท หรือคิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 22.53% (ไม่รวมตราสารหนี้ที่ออกและเสนอขายโดยผู้ออกตราสารหนี้เอง) โดยธนาคารทำการจัดจำหน่ายตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อตั้งแต่ระดับ A+ ขึ้นไป ถึงประมาณร้อยละ 60 ของมูลค่าจัดจำหน่ายตราสารหนี้ทั้งหมดที่ธนาคารเป็นผู้จัดจำหน่าย