นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ (CI) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดโครงการบ้านเดี่ยวระดับซุปเปอร์ลักชัวรี่ Issara Residence Rama 9 มูลค่า 2 พันล้านบาท มีความเป็น Luxury Private เพียง 20 หลังเท่านั้น ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 9 ไร่ บริเวณถนนพระราม 9 ซอย 13 บนพื้นที่ดินขนาด 113-208 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 700-842 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 100 ล้านบาท พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ปัจจุบันขายให้ลูกค้าไปแล้วเกือบ 50% และอยู่ระหว่างเร่งการก่อสร้างให้แล้วเสร็จเพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าขณะที่ตั้งเป้าขายโครงการ Issara Residence Rama 9 ให้ได้ 90% หรือขายหมดภายในสิ้นปี 62
ส่วนมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่กำหนดเงินดาวน์ขั้นต่ำหรืออัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) ที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.62 นั้น เชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะกลุ่มลูกค้าที่ซื้อบ้านหรูส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง และลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทจะใช้เงินสดซื้อในสัดส่วน 60-70% มากกว่าการใช้สินเชื่อจากสถาบันการเงิน
ขณะที่การแข่งขันของตลาดบ้านหรูระดับลักชัวรี่ไม่สูงมากนัก และมีจำนวนซัพพลายในตลาดน้อย หรือมีอยู่เพียง 10% ของทั้งตลาดในทุกระดับราคา อีกทั้งความยากของการพัฒนาโครงการบ้านหรูที่มีทำเลอยู่ในเมืองนั้นทำได้ค่อนข้างยาก เพราะที่ดินในเมืองมีอยู่จำกัด และหาราคาที่ดินที่เหมาะสมสำหรับนำมาพัฒนาได้ยาก เช่นเดียวกับที่ดินของโครงการ Issara Residence Rama 9 ใช้ระยะเวลาที่ค่อนข้างนานกว่าบริษัทจะได้มา โดยบริษัทเพิ่งได้ที่ดินในโครงการมาเมื่อ 2-3 ปีก่อน
นายสงกรานต์ มองว่า LTV อาจจะส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะระดับกลาง-ล่างที่มีการแข่งขันกันมาก ทำให้หลังจากมาตรการ LTV ใหม่มีผลบังคับใช้จะทำให้ตลาดกลาง-ล่างชะลอตัวลง ส่วนภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้แม้ว่าจะมีปัจจัยกดดัน แต่การเมืองของไทยที่มีการเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งมีความชัดเจน และเชื่อว่ารัฐบาลใหม่จะมีเสถียรภาพ ทำให้การเมืองนิ่งและส่งผลต่อความมั่นใจของประชาชน จะช่วยให้ภาวะเศรษฐกิจมีการขยายตัวได้ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย
ด้านนางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมการแข่งขันตลาดบ้านเดี่ยวระดับซุปเปอร์ลักชัวรี่ที่เปิดตัวแล้ว และกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างที่มีราคาตั้งแต่ 70 ล้านบาทขึ้นไป พบว่ามีเพียง 7 โครงการเท่านั้น หรือคิดเป็นบ้าน 271 หลัง โดยแบ่งเป็น 3 ทำเลหลัก ได้แก่ ทำเลใจกลางเมือง (CBD) อาทิ สุขุมวิท สาทร ทำเลกรุงเทพฯ ชั้นกลาง อาทิ รัชดาภิเษก-พระราม 9 พัฒนาการตอนต้น และทำเลชานเมืองโดยรอบ เช่น เกษตรนวมินทร์ กรุงเทพกรีฑา บางนา
จากการศึกษาถึงความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย พบว่าผู้บริโภคต้องเลือกระหว่างการมีบ้านเดี่ยวที่มีเนื้อที่แต่อยู่ชานเมือง ซึ่งต้องใช้เวลาในการเดินทางแต่ละวันไม่น้อย ในขณะที่ถ้าต้องการอยู่ใจกลางเมือง ก็จำเป็นต้องเลือกอยู่ทาวน์เฮ้าส์ หรือบ้านแนวสูงที่มีมากกว่า 3 ชั้นขึ้นไป ซึ่งพื้นที่แต่ะละชั้นถูกออกแบบมาเพียงแค่เป็นห้องนอน ไม่มีพื้นที่สำหรับกิจกรรมในครอบครัว อีกทั้งไม่มีพื้นที่สีเขียวภายในบริเวณบ้าน หรือเลือกอยู่คอนโดมิเนียม ซึ่งก็มีข้อจำกัดในการมีสัตว์เลี้ยง และมีที่จอดรถไม่เพียงพอสำหรับสมาชิกทุกคน
Issara Residence Rama 9 บ้านเดี่ยวที่จับกลุ่มตลาดซุปเปอร์ลักชัวรี่โดยเลือกทำเลรัชดา-พระราม 9 ซึ่งตอบโจทย์ในด้านทำเลอันเป็นปัจจัยหลักในการเลือกซื้อบ้านของกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการบ้านใกล้เมืองที่มีพื้นที่ใช้สอยมากเพียงพอ ซึ่งจะเห็นได้ว่าตัวโครงการตั้งอยู่บนทำเลกรุงเทพฯ ชั้นกลาง เส้นรัชดา-พระราม 9 ซึ่งต้องถือว่าเป็นทำเลย่านธุรกิจแห่งใหม่ หรือ New Hot Spot ที่แวดล้อมด้วยออฟฟิศเกรดเอ สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และเป็นจุดเชื่อมต่อสำหรับการเดินทางไม่ว่าจะเข้าสู่ใจกลางเมืองจากอย่างอโศก สุขุมวิท สาทร หรือมุ่งหน้าออกมอเตอร์เวย์ และสนามบินสุวรรณภูมิก็สามารถเดินทางได้อย่างสะดวก และในอนาคตอันใกล้มีส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที
อีกทั้งการพัฒนาในด้านการออกแบบบ้านทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและภายใน จากการสำรวจพบว่า ผู้บริโภคในกลุ่มนี้ต้องการพื้นที่ใช้สอยที่มากเพียงพอ และมีขนาดพื้นที่ในแต่ละห้องที่ใหญ่กว่าคอนโดมิเนียมหรือบ้านเดี่ยวระดับบนที่มีขายอยู่ทั่วไป คำนึงถึงทุกรายละเอียดของการใช้สอย อาทิ ห้องอเนกประสงค์ประเภทอื่น ๆ ซึ่งหาไม่ได้ในโครงการทั่วไป เช่น ห้องออกกำลังกาย หรือห้องเก็บเสื้อผ้ารองเท้าขนาดใหญ่ เป็นต้น และในด้านวัสดุอุปกรณ์ทุกประเภทในโครงการที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างดีที่สุด เรียกได้ว่าสูงกว่ามาตรฐานโครงการบ้านในระดับเดียวกัน
หากจะเปรียบเทียบผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายที่เลือกจะอยู่อาศัยในทำเลใจกลางเมือง หรือทำเลรอบนอกย่านธุรกิจแล้ว คงเทียบได้กับคอนโดมิเนียมระดับซุปเปอร์ลักชัวรี่ ซึ่งหากต้องการพื้นที่ใช้สอย วัสดุพรีเมี่ยมเกรดเดียวกันในราคา 100 ล้านบาท จะได้พื้นที่ใช้สอยเพียง 250-300 ตารางเมตร เท่านั้น ในขณะที่บ้านเดี่ยวในโครงการนี้ให้พื้นที่ใช้สอยได้ถึง 700 ตารางเมตรขึ้นไปมีเพียงไม่กี่โครงการเท่านั้นที่สามารถตอบโจทย์ได้ครบทั้ง 3 ปัจจัยที่กล่าวมา และ Issara Residence Rama 9 เป็นหนึ่งในโครงการที่นับว่าหาได้ยากในปัจจุบันที่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างแท้จริง