นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า วันนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงเกิดจากปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่คาดว่าจะชะลอตัวลง อันเนื่องมาจากปัญหาซับไพร์ม ซึ่งปัจจัยดังกล่าวนี้ส่งผลกระทบต่อการลงทุนและดัชนีตลาดหุ้นทั่วภูมิภาค รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย
แต่อย่างไรก็ตามปัจจัยนี้หากพิจารณาจะเห็นได้ว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงต่ำสุด 4% ในช่วงเช้า แต่ในช่วงปิดตลาดของวันนี้ดัชนีฯปรับตัวลงเพียง 3.26% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการปรับตัวลงของตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคที่ปรับตัวลดลงเฉลี่ย 4-10% หรือบางตลาดฯได้หยุดพักการซื้อขายชั่วคราวให้ผู้ลงทุนประเมินสถานการณ์
นอกจากนี้ หากพิจารณาการปรับตัวของดัชนีหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีนี้(2551)ได้ปรับตัวลง 13% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคที่ปรับตัวลงตั้งแต่ต้นปีที่ 20% ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงแรง ทางตลาดหลักทรัพย์ยังไม่มีความจำเป็นในการใช้มาตรการ "เซอร์กิตเบรกเกอร์" และไม่มีแผนหารือกับภาครัฐฯเพื่อรองรับหุ้นตก
"เราจะใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์ก็ต่อเมื่อตลาดหุ้นปรับตัวลงมาแรงถึง 10% และเท่าที่ดูจากปริมาณการซื้อขาย 2 วันที่ผ่านมาเมื่อราคาปรับตัวลงไปต่ำกว่าราคาตามปัจจัยพื้นฐานมากกว่าเหตุ นักลงทุนก็จะหันกลับเข้ามาซื้อ แม้วันนี้ตลาดฯจะปรับตัวลงแรง แต่วอลุ่มเทรดก็สูงกว่าปกติ ซึ่งมีวอลุ่มเทรดถึง 2.4 หมื่นล้านบาท"
นางภัทรียา กล่าวต่อว่า การปรับตัวลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยจะมีระยะเวลานานแค่ไหน ก็คงจะต้องขึ้นอยู่กับการแก้ไขของธนาคารกลางสหรัฐฯในเรื่องดังกล่าว เพราะหากแก้ไขได้ก็จะเพิ่มความมั่นใจ และเท่าที่ประเมินความผันผวนเกิดจากเศรษฐกิจของสหรัฐฯและความความผันผวนได้กระจายไปทั่วภูมิภาค
อย่างไรก็ดี อยากที่จะให้นักลงทุนติดตามข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน เพราะการที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงก็มีการเคลื่อนย้ายเงินทุนของต่างชาติออกนอกประเทศ แต่การย้ายเงินทุนนี้ก็ได้เกิดขึ้นไปทั่วโลกเช่นกัน ดังนั้น ตลท.จึงไม่มีมาตรการพิเศษใด ๆออกมาดูแล และช่วงนี้การให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ไม่ได้มีมากนักและไม่พบความผิดปกติ อีกทั้งยังไม่สัญญาณการฟรอซเซลที่สูงผิดปกติ แม้ที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นจะปรับตัวลงมาก็ตาม
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/พรเพ็ญ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--