นายอรรถวิชญ์ เอกธนิตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.บลิส-เทล(BLISS) กล่าวว่า ในการประชุมผู้ถือหุ้นบริษัทวันนี้ ที่ประชุมฯไม่เห็นด้วยกับวาระการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมจำนวนไม่เกิน 1,575 ล้านหุ้น ที่อัตราส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นเพิ่มทุนใหม่ 0.15 บาท/หุ้น เพราะผู้ถือหุ้นมองว่าไม่มีความจำเป็นในการเพิ่มทุนในขณะนี้ เนื่องจากบริษัทยังมีสภาพคล่องอย่างเพียงพอ และการเพิ่มทุนจะก่อให้เกิดผล Dilution Effect กับราคาหุ้นในกระดาน
เมื่อผู้ถือหุ้นมีมติดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทได้นำหุ้นเพิ่มทุนที่ไม่สามารถจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิม ปรับเปลี่ยนมาจัดสรรให้กับบุคคลในวงจำกัดแทน(PP)ทำให้มีจำนวนที่จะจัดสรรให้ PP เพิ่มเป็น 3,471.66 ล้านหุ้น จากเดิม 1,371 ล้านหุ้น
สุดท้ายที่ประชุมผู้ถือหุ้นจึงได้อนุมัติการเพิ่มทุนใหม่ จำนวน 585 ล้านหุ้นตามที่บริษัทเสนอให้พิจารณา
อย่างไรก็ตาม ผลจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นไม่อนุมัติการจัดสรรหุ้นเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม และปรับแผนการขายหุ้นเพิ่มทุน ส่งผลให้จำนวนหุ้นเพิ่มทุนที่รองรับการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ครั้งที่ 2 (BLISS-W2) ลดลงเหลือ 1,338 ล้านหุ้น จากแผนเดิม 1,863 ล้านหุ้น
"ถึงจำนวนออก BLISS-W2 จะลดลง แต่จะไม่กระทบแผนการลงทุนของบริษัท เนื่องจาก BLISS-W2 กว่าจะ EXERCISE ได้ต้องมีอายุครบ 1 ปีหลังซื้อขาย ซึ่งวอแรนต์มองว่าเป็นการเพิ่มทุนทางอ้อมในระยะยาวที่บริษัทอาจมีการลงทุนเพิ่ม"นายอรรถวิชญ์กล่าว
นอกจากนี้ที่ประชุมผู้ถือหุ้น อนุมัติการแตกพาร์ จากเดิมมูลค่าหุ้นละ 1 บาท เป็นมูลค่าหุ้นละ 0.10 บาท
*ใช้กำไรจากพอร์ต 400-500 ลบ.ลงทุนต่อเนื่อง
นายอรรถวิชญ์ กล่าวว่า ในปี 51 บริษัทจะนำกำไรจากการลงทุนที่มีอยู่จำนวน 400-500 ล้านบาท มาลงทุนต่อเนื่องในตลาดหุ้น โดยเน้นการลงทุนไม่เกิน 5 หลักทรัพย์ ซึ่งเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง รวมทั้งมีโอกาสทำกำไร (capital gain)
ที่ผ่านมา บริษัทได้ลงทุนในหุ้น ได้แก่ บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์(TTA), ธ.กสิกรไทย (KBANK), บมจ.ปตท (PTT) รวมทั้ง บมจ.อีเอ็มซี (EMC) แต่การที่บริษัทขายหุ้น EMC ออกมา เพราะบริษัทเห็นว่าราคาที่ขายออกไปได้กำไรในระดับที่เหมาะสม แต่ไม่ได้เปิดเผยว่าขายออกไปในจำนวนเท่าใด และเหลืออยู่เท่าใด
"หุ้น EMC เคยบอกแล้วว่าเป็นการลงทุนระยะสั้น เมื่อได้กำไรที่เหมาะสม บริษัทก็ขายออกไป" นายอรรถวิชญ์ กล่าว
แม้ว่าภาวะตลาดหุ้นในช่วงต้นปี 51 ที่ผ่านมามีความผันผวนมาก และมีนักลงทุนหลายรายได้แสดงความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อพอร์ตลงทุนของบริษัท แต่ยืนยันว่าการลงทุนของบริษัทแม้ว่าจะมีความเสี่ยง แต่เชื่อว่าหุ้นที่บริษัทเลือกลงทุนมีความสามารถทำกำไรซื้อขายหุ้นได้ในอนาคต จึงคาดว่าพอร์ตลงทุนของบริษัทจะมีกำไรในปีนี้
ทั้งนี้ บริษัทเน้นการลงทุนผ่านบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยปัจจุบันบริษัทมีพอร์ตการลงทุนขนาดประมาณ 800ล้านบาท จากเงินเริ่มต้น 140 ล้านบาท ที่ได้จากการเพิ่มทุนครั้งก่อน
*ปี 50 พลิกมีกำไรเกินคาด-เจรจาลงทุนธุรกิจใหม่
นายอรรถวิชญ์ คาดว่า กำไรสุทธิ ในปี 50 จะพลิกมีกำไร มาจากกำไรพอร์ตการลงทุนและธุรกิจหลักที่สามารถมียอดขายเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ปี 49 บริษัทขาดทุน 456.23 ล้านบาท
"ปี 50 มีกำไรเยอะกว่ากำไรที่ผมเคยทำธุรกิจมา และเชื่อว่าตัวเลขที่ออกมาจะเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งผมถือว่าดีมาก" นายอรรถวิชญ์กล่าว
บริษัทยังคาดว่าในปี 51 จะมีกำไรสุทธิต่อเนื่อง ทั้งจากกำไรจากการลงทุน และ กำไรจากการขายเครื่องมือถือ เนื่องจาก BLISS ยังเป็นร้านค้าปลีกที่ใหญ่สุด โดยมีร้านค้าถึง 100 แห่ง และมี คีออส อีก 150 แห่ง รวมทั้งยังได้ร่วมลงทุนกับโนเกียช้อป เปิดสาขาใหม่อีก 13 แห่ง
ประกอบกับ บริษัทมีแผนปรับปรุงรูปลักษณ์การขายทั้งตัวร้านค้า และ พนักงาน รวมถึงการเพิ่มจำนวนสินค้า และการบริการหลังการขาย ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนปรับปรุง เป็นเงิน 3 -6 แสนบาทต่อแห่ง โดยเป็นการทยอยการลงทุน เชื่อว่า จะทำให้ธุรกิจขายเครื่องมือถือมียอดขายดีขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เจรจาเพื่อเข้าลงทุนในกิจการที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสื่อสารและโทรคมนาคม เพื่อกระจายความเสี่ยง และ กระจายการสร้างรายได้ โดยขณะนี้ศึกษาอยู่ 2 บริษัทซึ่งการเจรจาพยายามจะให้ได้ข้อสรุปเร็วที่สุด และคาดหวังจะใช้หุ้นเพิ่มทุนที่จัดสรรให้ PP มาแลกกับการเข้าลงทุนธุรกิจใหม่
"การเจรจาขณะนี้ ไม่อยากกำหนดว่าจะได้ข้อสรุปเมื่อไร แต่จะทำให้เร็วที่สุด เพราะถ้ากำหนดเวลา การเจราจาต่อรองราคาจะไม่เป็นที่น่าพอใจ และจะไม่ใช่เป็นราคาที่ดีที่สุดที่เราอยากได้ เราหวังว่าการลงทุนครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เงิน แต่เป็นการให้หุ้น แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้จำเป็นต้องใช้เงินสด บริษัทก็อาจต้องขอมติเพิ่มทุน แม้ว่าเราจะมีสภาพคล่องอยู่ 381 ล้านบาทแต่เราขอเก็บไว้ก่อน" นายอรรถวิชญ์กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/เสาวลักษณ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--