บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ (ALL) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ของ ALL เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.79% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขาย IPO
ALL มีทุนจดทะเบียน 560 ล้านบาท และมีทุนที่ออกและชำระเต็มมูลค่าแล้วจำนวน 410 ล้านบาท หรือคิดเป็น 410 ล้านหุ้น โดยกลุ่มบริษัทประกอบธุรกิจหลักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยแนวสูงประเภทคอนโดมิเนียม (Low Rise และ High Rise) และโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยประเภทแนวราบ ได้แก่ ทาวน์โฮม ภายใต้แบรนด์ ดิ เอ็กเซล ไรส์ อิมเพรสชั่น และ เดอะ วิชั่น
รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ ธุรกิจให้บริการเป็นตัวแทนและนายหน้าในการขายอสังหาริมทรัพย์สำหรับตลาดต่างประเทศ ดำเนินงานภายใต้ บริษัท ไทย ดี เรียลเอสเตท จำกัด (Thai D) ธุรกิจลงทุนและซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างแล้วเสร็จภายใต้ชื่อ "Rise Venture" ดำเนินงานภายใต้บริษัท ไรส์ เอสเตท จำกัด (RISE) และธุรกิจให้บริการบริหารจัดการนิติบุคคลอาคารชุด ดำเนินงานภายใต้บริษัท ออลล์ พร็อพเพอร์ตี้ เซอร์วิส จำกัด (ALL Prop)
นอกจากนี้ ALL ยังมีการลงทุนในกิจการร่วมค้าอีก 2 บริษัท คือ บริษัท ออลล์ อินสไปร์-ฮูซิเออร์ สุขุมวิท 50 จำกัด (ALL Hoosiers) เพื่อพัฒนาโครงการ The Excel Hideaway Sukhumvit 50 ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise และบริษัท เอเอชเจ เอกมัย จำกัด (AHJ Ekkamai) เพื่อพัฒนาโครงการ The Impression Ekkamai ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมแบบ High Rise
ผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาย้อนหลัง 3 ปี ตั้งแต่ปี 58-60 และงวด 9 เดือนแรกปี 61 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวมและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 58 มีรายได้รวม 109.14 ล้านบาท, 419.69 ล้านบาท, 714.50 ล้านบาท และ 1,626.77 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนกำไรสุทธิ 3.55 ล้านบาท, 11.03 ล้านบาท, 80.80 ล้านบาท และ 212.73 ล้านบาท ตามลำดับ สาเหตุหลักมาจากยอดรับรู้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นตามโครงการที่สร้างแล้วเสร็จและโอนกรรมสิทธิ์ในแต่ละปี นับตั้งแต่เริ่มโอนกรรมสิทธิ์โครงการแรกในปี 58
ด้านนายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ALL เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินระดมทุนได้จากการเสนอขาย IPO ครั้งนี้ไปใช้เป็นเงินทุนในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในหลายพื้นที่ที่มีศักยภาพ ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานในอนาคต
บริษัทมีวิสัยทัศน์ที่จะก้าวสู่การเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ถือหุ้น คู่ค้า พนักงาน เป็นต้น โดยการเสนอขาย IPO ครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากตลาดเงินและตลาดทุนสำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ในอนาคต
นอกจากนี้ บริษัทวางแผนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตจำนวน 6 แห่ง มูลค่าโครงการรวมประมาณ 15,350 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise จำนวน 3 โครงการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,650 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียมแบบ High Rise จำนวน 3 โครงการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 11,700 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเปิดขายได้ภายในปี 62 เป็นต้นไป
นายธนากร กล่าวว่า ALL มุ่งเน้นพัฒนาโครงการบนพื้นที่ในรัศมีแนวระบบขนส่งมวลชนระบบรางของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว และรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงิน ตลอดจนทำเลอื่นที่มีศักยภาพ เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ โดยเน้นฟังก์ชั่น การใช้งานการออกแบบที่ทันสมัยละเป็นเอกลักษณ์และมุ่งเน้นให้ผู้อยู่อาศัยใช้ชีวิตได้จริง รวมถึงการออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งแวดล้อมที่ดี ในราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ ตามแนวคิด "Class of Living " ชีวิตที่มีระดับ คือชีวิตที่คุณเลือกเอง