นางสาวทมยันตี คงพูลศิลป์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสำนักนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้ในปีนี้จะลดลงตาม บมจ.ไทยคม (THCOM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการลดลง จากการแข่งขันทางธุรกิจในด้านราคา และเชื่อว่าหากมีความชัดเจนของธุรกิจดาวเทียมในประเทศไทยหลังจากสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน ในเรื่องของการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (PPP) จะสามารถเรียกความเชื่อมั่นของลูกค้ากลับคืนมาได้
ขณะที่แนวโน้มกำไรสุทธิน่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปี 61 ที่ทำกำไรสุทธิ 11,491 ล้านบาท เป็นไปตามการเติบโตของธุรกิจ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) และบริษัทยังคงนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 70% ของกำไรสุทธิ และจ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้งตามเดิม โดยงวดปี 61 จ่ายปันผล 2 ครั้ง รวม 2.52 บาท/หุ้น
ทั้งนี้ ADVANC คาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตในอัตราเลขตัวเดียว (single digit growth) ในช่วงระดับกลาง จากการขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเอไอเอสมีผู้ใช้บริการรวม 41 ล้านราย ส่วนธุรกิจอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงนั้น เอไอเอสมีลูกค้าไฟเบอร์เพิ่มขึ้นเป็น 209,300 ราย และในส่วนของธุรกิจดิจิทัลเซอร์วิส ยังมีการขยายบริการอินเทอร์เน็ตแก่ลูกค้าองค์กร (EDS) รวมถึงบริการคลาวด์ (Cloud)
ส่วนธุรกิจเงินร่วมทุน (Venture Capital : VC) บริษัทฯ ยังคงนโยบายลงทุนในธุรกิจ Telecom, Media และ Technology (TMT) และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีที่เกิดใหม่ เช่น Artificial Intelligence (AI), Internet of Things (IoT) ,Blockchain Data Analytics เป็นต้น โดยปีที่ผ่านมาได้ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 110 ล้านบาท ตามงบประมาณที่ตั้งไว้ไม่เกิน 200 ล้านบาทต่อปี โดยลงทุนใน 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด ,บริษัท ช็อคโก้ คาร์ด เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด และบริษัท อีคาร์ทสตูดิโอ จำกัด และได้แลกเงินลงทุนในบริษัทเดิม 2 บริษัท คือบริษัท อินฟีนิตี้ เลเวล สตูดิโอ พีทีอี ลิมิเด็ม และบริษัท ซันโมส จำกัด เป็น บริษัทวีวีอาร์ เอเชีย จำกัด
สำหรับปี 62 บริษัทยังคงงบลงทุนไม่เกิน 200 ล้านบาท แต่ขยายขอบเขตการลงทุนไปยังบริษัทที่อยู่ในช่วงการพัฒนาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น หรือเป็นบริษัทที่มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง รวมทั้งการแสวงหาการลงทุนที่สามารถต่อยอดในเรื่องของเทคโลยี 5G ในอนาคต โดยปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาการตรวจสอบมูลค่าสินทรัพย์ (Due Diligence) ราว 3-4 ราย คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้
อย่างไรก็ตาม ในระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ใช้เงินลงทุนไปแล้วทั้งสิ้นประมาณ 525 ล้านบาท สำหรับการลงทุนในบริษัทร่วมทุนภายใต้โครงการอินเว้นท์จำนวน 13 บริษัท โดยมูลค่าลงทุนปัจจุบันเพิ่มเป็น 792 บริษัท หรือเพิ่มขึ้น 51% และการรับรู้กำไรจากการขายเงินลงทุนในบางบริษัท