นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) เปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 62 ซึ่งจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ MPV ที่มีราคาขายไม่ถึง 1 ล้านบาท/คัน ออกมาจำหน่ายในช่วงแรก โดยตั้งเป้าจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายได้ในปี 63 จำนวน 3,000-5,000 คัน
ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างพิจารณานำรถยนต์ไฟฟ้าไปแสดงในงานมอเตอร์โชว์ในช่วงปลายเดือน มี.ค.นี้ แต่ก็ต้องขึ้นกับความเหมาะสมของเวลา เพราะกว่าที่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจะเริ่มขึ้นคือในช่วงปลายปี อย่างไรก็ตามก่อนที่รถยนต์ไฟฟ้าจะออกมาจำหน่ายบริษัทจะต้องเดินหน้าติดตั้งเท่นชาร์จแบตเตอร์รี่ให้ได้ตามเป้าในปีสิ้นปี 62 จำนวน 1,000 จุด จากขณะนี้มีแล้ว 300 จุด
ส่วนแผนการลงทุนเรือไฟฟ้า บริษัทวางงบลงทุนรวม 1 พันล้านบาท ในการผลิตเรือโดยสารไฟฟ้าออกมาจำหน่ายแก่พันธมิตรผู้เดินเรือโดยสารสาธารณะในแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงบริษัทจะเปิดบริการเดินเรือโดยสารสาธารณะด้วย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการร่วมทำงานกับกรมเจ้าท่าในการเตรียมความพร้อม คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในปลายปีนี้ ช่วงเริ่มเปิดให้บริการจนถึงปลายปีนี่คาดว่าจะมีเรือไฟฟ้าที่บริษัทพัฒนาพร้อมให้บริการรวมอย่างน้อย 20 ลำ และจะครบ 54 ลำในเดือน ก.พ.63 โดยริษัทประเมินว่าจำนวนเรือไฟฟ้าทั้งหมด 54 ลำ จะสามารถรองรับความถี่ของเที่ยวเรือที่ให้บริการในชั่วโมงเร่งด่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายอมร กล่าวอีกว่า ความตั้งใจของบริษัทในการลงทุนพัฒนาเรือไฟฟ้าออกมานั้น นอกเหนือจากเรื่องสิ่งแวดล้อมแล้ว บริษัทต้องการให้การขนส่งทางเรือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกหลักของผู้โดยสารที่ใช้บริการ และทำให้มีจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการเรือขนส่งมีจำนวนมากขึ้นกว่าปัจจุบัน ทำให้บริษัทต้องปรับปรุงรูปแบบวองเรือให้มีความทันสมัย ปลอดภัย สะอาดน่าใช้บริการ และมีจำนวนเรือที่เพียงพอ
ขณะที่อัตราค่าโดยสารของเรือไฟฟ้าบริษัทจะพยายามทำให้ใกล้เคียงกับเรือโดยสารสาธารณะที่ให้บริการในปัจจุบัน ซึ่งการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าทดแทนน้ำมันเชื้อเพลิงช่วยลดต้นทุนได้ถึง 30% และการที่พัฒนาเรือไฟฟ้าขึ้นมาในครั้งนี้เป็นการยกระดับการให้บริการเรือไปอีกขั้น เพราะจุดเด่นนอกจากประหยัดการใช้พลังงานแล้วยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งออกแบบใหม่ที่มีความปลอดภัยมากขึ้น ห้องโดยสารติดแอร์ทำให้มีความสะดวกสบาย และเสียงเครื่องยนต์เงียบ
แต่โครงการดังกล่าวยังเป็นเพียงโครงการนำร่อง หากได้รับการตอบรับที่ดีบริษัทจะต่อยอดเรือโดยสารไฟฟ้าไปใช้กับเรือนำเที่ยวด้วย
นายอมร กล่าวถึงธุรกิจการจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานทดแทนว่า ไตรมาส 1/62 บริษัทจะมีกำลังการผลิตที่จำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ครบทั้ง 664 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตที่ COD แล้ว 494 เมกะวัตต์ ได้แก่ โซลาร์ฟาร์ม กำลังการผลิต 278 เมกะวัตต์ โครงการพลังงานลมหาดกังหันลม กำลังการผลิต 126 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานลมหนุมาน 1 และ 8 กำลังการผลิต 90 เมกะวัตต์
โดยในช่วงปลายเดือนก.พ.นี้บริษัทคาดว่าโครงการพลังงานลมหนุมานที่เหลืออีก 3 โครงการ กำลังการผลิตรวม 170 เมกะวัตต์ จะสามารถเริ่ม COD ได้ จากปัจจุบันการเจรจากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)) คืบหน้าไปมากแล้ว ซึ่งจะส่งผลหนุนต่อแนวโน้มภาพรวมของผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 62 มีการเติบโตได้ดีนหรืออาจจะทำสถิติสูงสุดได้