(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นเกาหลีใต้:คอมโพสิตปิดบวก 19.4 จุด ขานรับเฟดลดดบ.ฉุกเฉิน

          ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดพุ่งขึ้นในวันนี้ (23 ม.ค.) แม้ว่าดัชนีจะถอยร่วงลงจากระดับสูงสุดของวัน เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำเทขายหุ้นที่ดีดตัวขึ้นในช่วงเช้าออกมาด้วยความตื่นตระหนก หลังจากที่การประกาศลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ไม่สามารถขจัดความหวั่นวิตกต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้
          โดยในช่วงเปิดตลาดเช้านี้ ดัชนีดีดตัวพุ่งขึ้นกว่า 3% หลังจากที่ร่วงลง 7% ในสองวันทำการที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนขานรับเฟดที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉิน 0.75% ก่อนหน้าที่เฟดจะมีกำหนดประชุมกันในสัปดาห์หน้า
          อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวของเฟดในครั้งนี้ก็ยังไม่สามารถช่วยให้นักลงทุนคลายความหวั่นวิตกลงได้ เนื่องจากนักลงทุนยังมองถึงแนวโน้มความไม่แน่นอนในสหรัฐที่กดดันให้เทขายทำกำไรออกมาหลังจากที่ตลาดดีดตัวขึ้นในช่วงเช้าจนทำใด้ตลาดปิดอ่อนตัวลงมาจากระดับสูงในวันนี้ 
          สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีคอมโพสิตปิดบวก 19.4 จุด หรือ 1.2% ที่ระดับ  1,628.42 จุด หลังจากเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง1,659.28 -1,604.54 จุด
          คัง มุน-ซอง นักวิเคราะห์จากโคเรีย อินเวสเม้นท์ แอนด์ ซีเคียวริตี้กล่าวว่า "การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้ช่วยคลายความกังวลของนักลงทุนที่รอคอยกันมานานได้ในช่วงแรก แต่ถึงกระนั้นนักลงทุนก็ยังคงหวั่นวิตกต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ"
          แต่ความเคลื่อนไหวดังกล่าวก็ช่วยให้นักลงทุนชะลอการเทขายหุ้น หลังจากที่กระหน่ำเทขายออกมาจนกดดันให้ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งร่วงลงอย่างรุนแรงเมื่อช่วง 2 วันที่ผ่านมา
          "ตลาดพร้อมที่จะดีดตัวขึ้น แต่ปัจจัยภายนอกยังคงผันผวนเกินไปที่จะคาดเดาได้ว่า นักลงทุนจะส่งแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาอย่างคึกคักในช่วงนี้" นายคังกล่าว
          โดยวันนี้ตลาดมีปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ 268 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 2.8 ล้านล้านวอน
          หุ้นปอสโคปิดถีบตัวขึ้น 4.3% ซึ่งเป็นผลจากราคาเหล็กที่ปรับตัวสูงขึ้น 
          ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปิดพุ่งคึกคักจากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ โดยหุ้นซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ปิดบวก 0.8% และหุ้นแอลจี ฟิลิปส์ แอลซีดีปิดพุ่ง 2.8% โดยหุ้นไฮนิกซ์ปิดไต่ระดับขึ้น 1.2%
          หุ้นแอลจี อิเล็กทรอนิกส์ปิดทะยานขึ้น 5.9% ก่อนหน้าที่บริษัทจะรายงานตัวเลขผลประกอบการในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งคาดว่าผลประกอบการไตรมาสสี่จากสำนักงานใหญ่และฐานการผลิตในต่างประเทศจะปรับตัวขึ้นแตะที่ 3.794 แสนล้านวอน จากระดับ 3.63 แสนล้านวอนในปีที่ผ่านมา