นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเข้ายื่นข้อเสนอโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก มูลค่าโครงการกว่า 2 แสนล้านบาท ที่ประกาศเลื่อนให้ยื่นซองข้อเสนอไปเป็นวันที่ 21 มี.ค.62 จากเดิม 28 ก.พ. 62
โดยเบื้องต้นได้จะร่วมมือกลุ่มกิจการร่วมค้า BSR ที่ประกอบด้วย บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง (BTS) บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) และบมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) และจะมีพันธมิตรต่างประเทศเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งเป็นผู้บริหารสนามบิน ซึ่งหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญของการประมูลครั้งนี้ โดยคาดว่าจะสรุปพันธมิตรทั้งหมดภายในเดือน ก.พ.นี้ ขณะที่เชื่อว่ากลุ่มบริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด ก็เตรียมเข้าชิงโครงการนี้เช่นกัน
"เราเห็นว่าโครงการนี้ทางคณะกรรมการคัดเลือกฯได้เปลี่ยนเงื่อนไขการประมูลมีแนวโน้มดีขึ้น ยิ่งทำให้ข้อเสนอการร่วมลงทุนน่าสนใจที่โอกาสทำโครงการสามารถมีผลตอบแทนที่ดีแต่ลงทุนน้อยกว่า ไม่เหมือนรถไฟฟ้า ลงทุนสูง ค่าตั๋วเก็บถูก" นายสุรงพงษ์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ด้านนายโชคชัย ปัญญายงค์ รองเลขาธิการ สายงานโครงสร้างพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) กล่าวว่า ได้เลื่อนการยื่นซองข้อเสนอโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ออกไปจากวันที่ 28 ก.พ.นี้ ไปเป็นวันที่ 21 มี.ค.นี้ เวลา 9.00 -15.00 น. เพราะเห็นว่ามีระยะเวลาสั้นเกินไปเพียง 2 เดือนที่เอกชนจะยื่นเอกสาร จึงขยายเวลาออกไป เท่าที่เห็นมีหลายราย ยัง Active อยู่ แต่ายังไม่ลงตัว ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีกี่กลุ่ม
อนึ่ง ผู้ซื้อเอกสารการคัดเลือกเอกชนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ทั้งหมด 42 ราย เป็นบริษัทต่างชาติ 16 บริษัท และ บริษัทไทย 26 บริษัท
ขณะที่นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า BTS ยังเตรียมร่วมประมูลงานให้เอกชนร่วมลงทุนในการดำเนินงานและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance:O&M) โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) และ สายบางใหญ่ -กาญจนบุรี (M81) ที่จะเปิดขายเอกสารข้อเสนอการร่วมลงทุน (Request for Proposal (RFP) documents)ของกรมทางหลวง ในวันที่ 27 ก.พ.-27 มี.ค.62
ทั้งนี้ งาน O&M สายบางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กิโลเมตร มีระยะเวลาร่วมลงทุนไม่เกิน 30 ปี โดยมีกรอบวงเงินค่าตอบแทนที่เอกชนจะได้รับที่เป็นมูลค่าปัจจุบัน ไม่เกิน 33,258 ล้านบาท ส่วนงาน O&M สายบางใหญ่-กาญจนบุรี มีระยะเวลาร่วมลงทุนไม่เกิน 30 ปี โดยมีกรอบวงเงินค่าตอบแทนที่เอกชนจะได้รับที่เป็นมูลค่าปัจจุบันไม่เกิน 27,282 ล้านบาท
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ในปีนี้ BTS ก็ยังได้เตรียมประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี วงเงิน 1.1 แสนล้านบาทที่คาดว่าจะเปิดขายซองในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. ขณะที่รถไฟสายสีเทา ช่วงวัชรพล-ทองหล่อ เฟส1 ระยะทาง 16.25 กม. วงเงินประมาณ 2.8 หมื่นล้านบาท ทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) มีแผนที่จะรียมลงทุนเอง โดยระหว่างนี้ยังอยู่ขั้นตอนผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) ขณะที่ยังผู้คัดค้านเป็นชาวบ้านย่านทองหล่อ และการขอใช้พื้นที่บริเวณทางเลี้ยวเข้าถนนเพชรบุรีและทองหล่อ
รวมทั้งสนใจเข้าร่วมประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย-ลำสาลี วงเงินลงทุน 4.8 หมื่นล้านบาท ทั้งสองโครงการมีแนวโน้มเปิดประมูลในปีนี้
ส่วนความคืบหน้าการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวนั้น นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ ทาง กทม.ยังไม่ได้เริ่มเข้ามาเจรจาการปรับเปลี่ยนการเก็บค่าโดยสาร เพราะต้องรอโครงการนี้เข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (คณะกรรมการ PPP) ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เป็นผู้นำเสนอ และหากผ่านก็จะจัดตั้งคณะกรรมการมาตรา 35 ร่างเงื่อนไขการประมูล(TOR) ที่จะรวมทั้งโครงการปัจจุบันที่ BTS มีสัญญาสัมปทานอยู่ซึ่งจะสิ้นสุดลงในปี 72 กับส่วนต่อขยายสายสีเขียวทั้ง 2 ด้าน จากนั้น กทม.จึงจะมาเจรจากับบริษัทได้
ทั้งนี้ การปรับการเก็บค่าโดยสารสายสีเขียวจากเดิมเก็บตามระยะทางเป็นอัตราใหม่ตลอดสายเก็นสูงสุดไม่เกิน 65 บาทนี้ คาดว่าจะกระทบกับรายได้ของบีทีเอสได้ แต่ยังต้องรอดูในรายละเอียดและการเจรจา โดยบริษัทมีภาระใช้หนี้แทน กทม.ที่มีวงเงิน 9 หมื่นล้านบาทไม่รวมดอกเบี้ย , ค่าโดยสารใหม่เพื่อแบ่งเบาภาระประชาน และ ส่วนแบ่งรายได้ให้ กทม. หลังจากบริษัทได้ผลตอบแทน (IRR) ไม่เกิน 10% อย่างไรก็ตาม กทม.กำหนดว่า 16 เม.ย.นี้จะเริ่มใช้อัตราค่าโดยสารใหม่ ในเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว รวมส่วนต่อขยายช่วงแบริ่ง -สมุทรปราการ
ส่วนการก่อสร้างส่วนต่อขยายช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต นั้นงานโยธาก้าวหน้ากว่า 90% โดยคาดจะเปิดให้บริการ 1 สถานีก่อนที่สถานีห้าแยกลาดพร้าวในเดือน ส.ค.62 นี้ ซึ่งจะช่วยบรรเท่าจราจรได้ ส่วนที่เหลือต้องรอให้งานก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยก่อนจึงจะเข้าไปวางราง ติดตั้งเครื่องกลได้ คาดว่าจะเปิดให้บริการ กลางปี-ปลายปี 63