(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ผันผวนถึงอ่อนลงหลังปัจจัยบวก ตปท.แผ่ว-กังวลการเมืองในประเทศถ่วง

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ผันผวนถึงอ่อนตัวลง หลังปัจจัยบวกจากต่างประเทศเริ่มมีน้ำหนักน้อยลง ทั้งสงครามการค้าจีน-สหรัฐ รวมถึงราคาน้ำมันปรับขึ้น มตลาดกลับมากังวลสถานการณ์การเมืองในประเทศกระทบต่อภาพรวมการลงทุนระยะสั้น ขณะที่การทยอยประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) และปันผลไม่ได้สร้างความประหลาดใจมากนัก มองดัชนีมีแนวรับบริเวณ 1,630 และแนวต้านที่ 1,645 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยเช้านี้น่าจะมีความผันผวน ถึงอาจขยับลงเล็กน้อย หลังจากที่ปัจจัยจากต่างประเทศแม้จะยังคงมีภาพบวก แต่เริ่มมีน้ำหนักน้อยลง แต่ในทางกลับกันนักลงทุนกับมีความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองในประเทศที่อาจกระทบต่อการลงทุนในระยะสั้นยังเป็นปัจจัยกดดันต่อตลาดด้วย

อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้เป็นช่วงที่บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ทยอยประกาศผลประกอบการปี 61 และการจ่ายปันผลออกมาต่อเนื่อง แต่ก็เป็นไปตามภาวะปกติ ไม่ได้สร้างความประหลาดใจต่อตลาดมากนัก แต่ยังมองตัวเลือกการลงทุนเน้นในหุ้นที่มีผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง (High Dividend Yield) เป็นหลัก

พร้อมให้แนวรับ 1,630 จุด และแนวต้าน 1,645 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

• ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (19 ก.พ.62) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,891.32 จุด เพิ่มขึ้น 8.07 จุด ( +0.03%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,779.76 จุด เพิ่มขึ้น 4.16 จุด (+0.15%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,486.77 จุด เพิ่มขึ้น 14.36 จุด (+0.19%)
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 43.39 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 5.41 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 176.55 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 29.68 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 11.11 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 15.55 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 6.27 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 15.33 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 27.14 จุด
• ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ก.พ.62) 1,635.71 จุด ลดลง 1.23 จุด (-0.08%)
• นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 674.12 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ก.พ.62
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (19 ก.พ.62) ปิดที่ 56.09 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.9%
• ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 ก.พ.62) ที่ 2.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
• เงินบาทเปิด 31.13 แข็งค่าจากเย็นวันจันทร์ นลท.เทขายดอลล์ จากคลายกังวลสงครามการค้า มองกรอบวันนี้

31.05-31.20

• ธุรกิจเหล็กจีนปักหลักลงทุนไทย ส.อ.ท.ประเมินหลังเบอร์ 1 ของจีนซื้อ"ทาทา สตีล"ดันสัดส่วนการผลิตเหล็กทรงยาวของบริษัทจีนในไทยพุ่ง 50-55% เผยโรงเหล็กไทยไม่กังวล หากใช้กติกาเดียวกัน ห่วงโดนทุ่มตลาดมากกว่า สถาบันเหล็กฯหนุนแข่งผลิตเหล็กคุณภาพสูง
• สมาคมการค้าพลังงานขยะ ถกยื่นข้อเสนอ"กกพ."ให้นำเชื้อเพลิงขยะหรือ RDF ป้อนโรงไฟฟ้าชีวมวล 25% ของเชื้อเพลิงที่ใช้หวังลดปริมาณขยะแบบเร่งด่วนและช่วยโรงไฟฟ้าชีวมวลที่มีปัญหาขาดแคลนเชื้อเพลิง
• พาณิชย์นัดเอกชน 27 ก.พ.ประเมินส่งออกปี 2562 เพื่อแก้ไขปัญหาและอุปสรรคให้กับผู้ส่งออก รวมถึงมาตรการสนับสนุนการส่งออกปี 2562 ให้เป็นไปตามเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์ที่กำหนดไว้ขยายตัว 8% หลังห่วงบาทแข็งกระทบขีดแข่งขัน สั่งทูตพาณิชย์เจาะตลาดทดแทน
• กรมบัญชีกลางไฟเขียว รฟท.เตรียมเปิดประมูลแบบนานาชาติ ติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ รถไฟทางคู่เฟสแรก 3 เส้นทาง มูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท คาดขายซอง มี.ค.นี้ เร่งติดตั้งหลังดีเลย์กว่าแผน กว่า 1 ปี
• สศค.เตรียมลงพื้นที่เพื่อความเข้าใจและกระตุ้นให้ผู้ประกอบการที่ยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัด หรือ พิโกไฟแนนซ์ ที่ยังมีใบอนุญาตค้างอีกราว 300-400 ราย ซึ่งมีทั้งรายที่ยื่นเอกสารไว้ และรายที่ได้รับอนุญาตแล้วแต่ยังไม่เปิดดำเนินการ ให้เร่งเปิดดำเนินการ หากได้รับใบอนุญาตแล้วเกิน 1 ปียังไม่เปิดดำเนินการ ทางสศค.จะเข้าไปตรวจสอบข้อมูลว่ายังมีความพร้อมอยู่หรือไม่ ขณะนี้คาดว่าจะมีจำนวน 8 ราย ที่จะพิจารณาขอใบอนุญาตคืน
• คลังจ่อเลื่อนใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 สำหรับธนาคารรัฐ ออกไปอีก 1 ปี จากเดิมทุกแบงก์เริ่มปี 2563 เป็น 2564 อ้างให้เวลาเตรียมพร้อมสำรองเงิน และบริหารจัดการเอ็นพีแอล ขณะที่ธนาคารรัฐฐานะแกร่ง สศค.รายงานล่าสุดผลการดำเนินงานเดือน ต.ค. สินเชื่อโตหนี้เสียลด
• ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงประมาณการเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไทยปี 2562 ขยายตัว 4% และช่วงครึ่งแรกปี 2562 จีดีพีจะขยายตัวได้ต่ำกว่า 4% และฐานตัวเลขเศรษฐกิจครึ่งแรกปี 2561 สูงด้วย โดยมองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับความไม่แน่นอน ทั้งปัจจัยภายนอกและภายใน ปัจจัยภายนอกคือความไม่ชัดเจน ประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน สถานการณ์เบร็กซิท เศรษฐกิจจีนและสหภาพยุโรป มีสัญญาณการชะลอ
• สศช.ลุ้นสุดตัวเร่งงบลงทุนรัฐ 6 แสนล้านบาท งบกันเหลื่อมปี และงบแอ็กชั่นแพลนของกระทรวงคมนาคม 7.28 แสนล้านบาท เดินหน้าได้ตามแผนต่อเนื่องหลังเลือกตั้ง ชี้จะเป็นปัจจัยบวกดันเศรษฐกิจปี 2562 ให้ไปต่อได้ ขณะที่ ครม.ให้ยกเลิกโครงการงบประมาณจัดการน้ำและสร้างถนนที่เบิกจ่ายไม่ทัน รวม 13 โครงการ 679 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมเบิกจ่ายได้แล้ว 89.75% จาก 7.7 หมื่นล้านบาท
• บมจ.กสท โทรคมนาคม (แคท) ซื้อหุ้นไทยคมจากอินทัชเริ่มคืบหน้า หลังรัฐบาลเคาะอยากให้จบก่อนไป เผย 2 ฝ่ายมองเห็นโอกาสด้านเทมาเสกไม่เคยอยากได้ดาวเทียมอยู่แล้ว ขณะที่แคทอยากใช้ดาวเทียมต่อยอดธุรกิจ เผยขณะนี้มีเงินเพียงพอที่จะซื้อหุ้นได้จากค่าเช่าอุปกรณ์-เสาโทรคมนาคมที่ได้จากดีแทคและทรู

*หุ้นเด่นวันนี้

• PRM (กสิกรไทย) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 8.80 บาท ประเมินกำไรไตรมาส 4/61 ที่ 185 ล้านบาท ลดลง 15.5% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 36.5% YoY คาดสาเหตุลดลง QoQ จากรายการพิเศษ เช่น ขาย Amity Star 44.4 ล้านบาทในไตรมาส 3/61 ขณะมองการเติบโต YoY รับแรงหนุนจากปรับวิธีคำนวณค่าเสื่อม และรายได้สูงขึ้นจากรวมงบ Big Sea ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการพิเศษและกำไรอัตราแลกเปลี่ยนคาดว่ากำไรปกติ 170 ล้านบาท ทรงตัว QoQ แต่เพิ่มขึ้น 36.7% YoY คาดบริษัทจะรับเรือเพิ่ม 2 ลำในไตรมาศ 1/62 เรือ FSU ใหม่เป็นปัจจัยขับเคลื่อนกำไรปี 62 และเป็นบวกต่อราคาหุ้นระยะสั้น เพราะให้ GPM สูงสุดเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ
• PLAT (เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 9.40 บาท คาดรายได้และกำไรโตอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ Q1/62 เป็นต้นไปจากการเปิดโครงการ เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก เฟส 1 วันที่ 14 ก.พ. ซึ่งมีพื้นที่เช่า 28,000 ตารางเมตร อัตราเข้าเช่าไม่ต่ำกว่า 80% ขณะที่รายได้ยังเพิ่มขึ้นจากการที่โครงการ เดอะ แพลทินัมฯ ปรับค่าเช่าขึ้นได้ตามเป้าหมาย 3-4% และตลาดนีออนขยายพื้นที่เช่า 30% เมื่อกลาง ธ.ค.61 คาดจะโตอย่างต่อเนื่องทั้งจากโครงการเดิมและการเปิดโครงการใหม่ โดยจะทยอยเปิดโครงการใหม่ ได้แก่ โรงแรม Holiday Inn 2 โรง ที่สมุย (ปี 2563) และ โครงการ Mixed use ที่เดอะ มาร์เก็ตฯ (ปี 2564)
• PTTGC (แอพเพิล เวลธ์) แนะ"ซื้อ" เป้าหมาย 84 บาท รายงานกำไรสุทธิ 4Q61 ที่ 4.1 พันล้านบาท ลดลง 68%QoQ และ 58%YoY ใกล้เคียงคาด หลักๆรับรู้ผลขาดทุนสต๊อกทั้งโรงกลั่นและอะโรเมติกส์สูงถึง 6.5 พันล้านบาทตามทิศทางราคาน้ำมันดิบและคอนเดนเสทที่ปรับลง แนวโน้ม Q1/62 คาดกำไรกลับมาฟื้นโดดเด่นเหตุไม่มีผลขาดทุนสต๊อกฯ ขณะที่กำไรปกติคาดประคองตัวได้ โดยธุรกิจอะโรเมติกส์ส่วนต่างราคาพาราไซลีนยังอยู่ในเกณฑ์ดี ช่วยชดเชยธุรกิจโรงกลั่นที่ถูกกดดันจากส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่อ่อนตัวลง ขณะที่กลุ่มโอเลฟินส์ราคาผลิตภัณฑ์หลัก HDPE ยังไม่ฟื้น แต่จะได้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นมาเนื่องจากแผนปิดซ่อมบำรุงโรงงานเบาบางลง แม้ภาพรวมปี 62 จะไม่โดดเด่น แต่ราคาหุ้นไม่แพงปัจจุบันซื้อขายบน PER ปี 62 7.9x และ PBV ปี 62 1.0x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังในอดีตและค่าเฉลี่ยของ Peer ในภูมิภาค ขณะที่เงินปันผลสูงน่าสนใจ