หุ้น ZEN เปิดเทรดวันแรกที่ 15.30 บาท เพิ่มขึ้น 2.30 บาท (+17.69%) จากราคา IPO ที่ 13 บาท
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า บมจ.เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป (ZEN) ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) โดยมุ่งเน้นการลงทุนในบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่น รวมถึงมีการทำตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าที่หลากหลาย วางแผนการขยายสาขาต่อเนื่อง คาดจะเห็นการเติบโตในปี 62 โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะปรับตัวดีขึ้นจากความเชื่อมั่นในการบริโภคหลังจากการเลือกตั้ง และได้รับผลดีจากการเติบโตที่สูงของตลาด CLMV
"เราประเมินมูลค่าเหมาะสมโดยวิธี PER 25 เท่า กับผลประกอบการปี 62 ได้ราคาเป้าหมายที่ 15.80 บาท"
นายบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ ZEN เชื่อมั่นว่าหุ้น ZEN จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากบริษัทมีความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 28 ปี และมีพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยปัจจุบันเป็นผู้ประกอบธุรกิจฟู้ดเซอร์วิส (Food Services) ที่มีทั้งธุรกิจร้านอาหารที่มีแบรนด์หลากหลาย ธุรกิจแฟรนไชส์ที่ช่วยให้ขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องที่มีโอกาสการเติบโตที่ดีในอนาคต ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัทที่สร้างความแตกแต่งจากผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารรายอื่นๆ ในอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีแบรนด์ร้านอาหารทั้งสิ้น 12 แบรนด์ มีจำนวนสาขารวมทั้งสิ้น 255 สาขา (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561) แบ่งเป็นแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่น 6 แบรนด์ จำนวน 88 สาขา ได้แก่ 1. ZEN 2. AKA 3. On the Table Tokyo Cafe 4. Sushi Cyu Carnival Yakiniku 5. Testu และ 6. Musha by ZEN และแบรนด์ร้านอาหารไทยอีก 6 แบรนด์ จำนวน 167 สาขา ได้แก่ 1. ตำมั่ว 2. ลาวญวน 3. แจ่วฮ้อน 4. เฝอ 5. de Tummour และ 6. เขียง ซึ่งแบรนด์เขียงนั้น เป็นร้านอาหารไทยตามสั่งหรือ Street Food แบรนด์ใหม่ที่นำเสนออาหารไทยจานเดียว เปิดบริการสาขาแรกที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขาเจษฎาบดินทร์ จ.นนทบุรี ในเดือนธ.ค.61
ส่วนในปี 61-63 มีแผนขยายร้านอาหารเพิ่มขึ้นอีก 348 สาขา โดยจะเน้นการให้สิทธิแก่แฟรนไชส์เพื่อขยายสาขาเพิ่มขึ้น ในจำนวนนี้เป็นแผนขยายสาขาในปี 2562 จำนวน 123 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่กลุ่มบริษัทฯ ลงทุนเอง 36 สาขา และให้สิทธิแฟรนไชส์ 87 สาขา ส่วนแผนงานในปี 2563 วางแผนขยายร้านอาหารอีก 225 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่กลุ่มบริษัทฯ ลงทุนเอง 50 สาขา และให้สิทธิแฟรนไชส์ 175 สาขา
"เราพร้อมขยายสาขาอย่างเต็มที่ในช่วง 2 ปีนับจากนี้ หลังจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เราได้ลงทุนด้านระบบบริหารจัดการภายในองค์กรและเสริมทีมบุคลากรไว้แล้ว ประกอบกับฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นหลังจากเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยเรามีเป้าหมายยกระดับบริษัท เป็นผู้นำในธุรกิจฟู้ดเซอร์วิสของประเทศไทย และมุ่งสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจอาหารที่ได้รับความนิยมและความไว้วางใจจากลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจและผู้ที่เกี่ยวข้อง" นายบุญยง กล่าว
นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า ธุรกิจอาหารถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ จึงได้รับผลดีจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ขยายตัวและการขยายตัวของรายได้ประชากรและการเติบโตของหัวเมืองใหญ่ โดยนับจากปี 55-60 ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารมีอัตราเติบโตเฉลี่ยประมาณ 4.7% ต่อปี หรือมีมูลค่าตลาดรวมในปี 60 อยู่ที่ประมาณ 8.4 แสนล้านบาท ขณะที่ Euromonitor International คาดการณ์ในปี 65 มูลค่าตลาดธุรกิจร้านอาหารจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1.05 ล้านล้านบาท