ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กนลท.คลายกังวลศก. ดันดาวโจนส์ปิดพุ่ง 298.98 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 24, 2008 06:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นเกือบ 300 จุดเมื่อคืนนี้ (23 ม.ค.) หลังจากที่ร่วงลงติดต่อกัน 5 วันทำการ โดยตลาดได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงมาตรการปรับลดภาษี และการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) พยายามทุกวิถีทางที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการธนาคารภายในประเทศ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 298.98 จุด หรือ 2.50% แตะระดับ 12,270.17 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 28.10 จุด หรือ 2.14% แตะระดับ 1,338.60 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดดีดขึ้น 24.14 จุด หรือ 1.05% แตะระดับ 2,316.41 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 2.83 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 3.67 พันล้านหุ้น
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดมีมติในที่ประชุมฉุกเฉิน ให้ลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นลงอีก 0.75% สู่ระดับ 3.50% และปรับลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานลงอีก 0.75% สู่ระดับ 4.00% เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจไม่ให้เข้าสู่ภาวะถดถอย และเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์ตลาดหุ้นร่วงทั่วโลก อันเป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
นายปีเตอร์ คาร์ดิลโล นักวิเคราะห์จากบริษัทเอวาลอน พาร์ทเนอร์ส กล่าวว่า "เราอาจกล่าวได้ว่า สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่เฟดออกมาเคลื่อนไหวอย่างโดดเด่นที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินและการสนับสนุนมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาล นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์เฟดจะมีบทบาทมากขึ้นในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50% ในการประชุมวันที่ 29-30 ม.ค.นี้"
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดเมื่อวันอังคาร ทำให้มีธนาคารกลางหลายแห่งประกาศลดอัตราดอกเบี้ยตาม อาทิ ธนาคารกลางฮ่องกง ธนาคารกลางคูเวต ธนาคารกลางแคนาดา และยังส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามด้วย อาทิ ธนาคาร HSBC ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ธนาคารซิตี้แบงค์ และธนาคารวาโชเวีย
นักวิเคราะห์ของ HSBC คาดการณ์ว่า อัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นของสหรัฐจะปรับตัวลดลงแตะระดับ 2.0% ภายในปลายปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงสูงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่นักวิเคราะห์ของธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดการณ์ว่า เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50% ในการประชมวันที่ 29-30 ม.ค.นี้ แม้เฟดได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว 0.75% เมื่อวันอังคารแล้วก็ตาม
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรประเภท 10 ปีของสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 3.55% จากระดับของวันอังคารที่ 3.41% ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวลดลง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ