DOD ดึงพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญค้าออนไลน์-ออฟไลน์เสริมแกร่งขยายช่องทางตลาดคาดตั้งบ.ร่วมทุนแล้วเสร็จ Q2/62

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 21, 2019 09:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวศุภมาส อิศรภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้จัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อดำเนินธุรกิจด้านการพัฒนาสินค้าและกระจายสินค้า ภายใต้ทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท โดย DOD ถือหุ้น 80% ส่วนอีก 20% ถือหุ้นโดยผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญด้านการทำการตลาดออนไลน์และออฟไลน์ติดลำดับ TOP 5 ของประเทศ

อนึ่ง เช้าวันนี้ DOD แจ้งข้อมูลการจัดตั้งบริษัทย่อยร่วมกับ น.ส.พรรษมนต์ ธนาวิทย์ณัฐกุล ถือหุ้น 20% และ น.ส.สุวารินทร์ ก้อนทอง ถือหุ้น 0.01%

สาเหตุที่บริษัทดึงพันธมิตรดังกล่าวเข้ามาร่วมเป็น Strategic Partner ในครั้งนี้ เนื่องจากเล็งเห็นศักยภาพและความเชี่ยวชาญในการเป็นผู้นำด้านการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ในการขายผลิตภัณฑ์ด้านความงามและสุขภาพครบวงจร โดยมีทีมสมาชิกซึ่งเป็นผู้นำด้านการวางแผน เพื่อขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์เกือบ 500 ราย ซึ่งทีมดังกล่าวสามารถทุบสถิติในการสร้างยอดขายติดลำดับต้นๆ ของประเทศมาแล้ว

ดังนั้น เชื่อว่าการที่ DOD ได้ทีมพันธมิตรระดับชั้นนำของวงการมาร์เก็ตติ้งมาเสริมทีม นอกจากเป็นการช่วยผลักดันและหนุนความแข็งแกร่งของ DOD แล้ว ยังเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงการเป็นผู้นำด้านการให้บริการ One Stop Service Solution อีกด้วย ซึ่งแผนกลยุทธ์เพื่อขยายไลน์ธุรกิจในรูปแบบดังกล่าวจะเป็นการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยคาดว่าการดำเนินการจัดตั้งบริษัทย่อยจะแล้วเสร็จได้ภายในไตรมาส 1/62 นี้

DOD มุ่งเน้นที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพ โดยให้บริการครบวงจรแบบ One Stop Service Solution ดังนั้น บริษัทฯจึงเล็งเห็นว่าการเพิ่มช่องทางการตลาดในการขยายธุรกิจจึงเป็นอีกหนึ่งในแผนการปรับกลยุทธ์เพื่อตอบโจทย์การให้บริการที่ครบวงจรกับกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการกับบริษัท เพราะนอกจากจะเป็นผู้ผลิตแล้ว บริษัทฯยังมีช่องทางการตลาดให้กับกลุ่มลูกค้า เพื่อขยายตลาดแบรนด์สินค้าของลูกค้าไปยังช่องทางใหม่ๆเพิ่มขึ้น

สำหรับผลการดำเนินงานประจำงวด 61 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.61 บริษัทมีรายได้รวม 673.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72.23% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 388.56 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 306.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115.40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 142.19 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 61.51% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 1.53 %

สาเหตุที่อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทย้ายที่ตั้งโรงงานใหม่ตั้งแต่ในช่วงปลายปี 60 ส่งผลให้บริษัทฯมีกำลังการผลิตรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหญ่ได้เพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตราว 1,000,000 กล่องต่อเดือน และสามารถรองรับการผลิตได้เต็มที่กว่า 1,600,000 กล่องต่อเดือน หรือคิดเป็นประมาณ 70% ของกำลังการผลิตทั้งหมด จากการรับจ้างพัฒนาและผลิต (ODM) ประกอบกับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาบริษัทมีออเดอร์ใหม่จากกลุ่มลูกค้าหลากหลายมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการย้ายฐานผลิตเดิม มาผลิตและออกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใหม่ๆกับทางบริษัท เนื่องจากมาตรการคุมเข้มของ อย.ที่ตรวจสอบโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ไม่ได้มาตรฐาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ