โบรกเกอร์แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย) (SYNEX) หลังมองแนวโน้มผลประกอบการในปี 62 เติบโตได้ดีจากยอดขาย smartphone ที่ยังขยายตัวดี แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมจะชะลอตัวลงแต่ปัจจุบันแบรนด์ต่าง ๆ จากจีนมีการเข้ามาชิงส่วนแบ่งการตลาดจากแบรนด์จากประเทศอื่นได้มากขึ้น
ประกอบกับ บริษัทมีแผนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสได้รับประโยชน์จากแนวโน้มอัตราแลกเปลี่ยนหลังจากเงินบาทแข็งค่าส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าต่ำลง รวมถึงบริษัทมีการขยายฐานลูกค้าไปยังภาครัฐและงานโครงการมากขึ้น
ราคาหุ้น SYNEX ปิดเที่ยงวันนี้ที่ 13.70 บาท เพิ่มขึ้น 1.48 บาท (+0.20%) ขณะที่ SET +0.70%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 16.25 เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 16.00 กสิกรไทย ซื้อ 16.00 ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ ซื้อ 17.50 เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ซื้อ 17.00
นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า แนวโน้มกำไรปี 62 คาดว่าจะยังเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน โดยประเมินไว้ที่ 9.5% จากแผนของบริษัทที่จะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 7 รายการ รวมถึงคาดว่ายอดขาย smartphone แบรนด์จากจีนจะเติบโตอย่างโดดเด่น เนื่องจากมีสินค้ารุ่นที่เป็นเรือธงจำนวนมาก ทำให้ครอบคลุมประเภทการใช้งานและเจาะกลุ่มลูกค้าแบบเจาะจง (niche market) ในราคาที่เหมาะสม
ประกอบกับ มองว่าแนวโน้มเงินบาทที่แข็งค่าในช่วงไตรมาส 1/62 จะทำให้ผลการดำเนินงานจะออกมาดี อย่างไรก็ตาม กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนยังถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับความสามารถในการทำกำไรโดยรวมของบริษัท
ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 4/61 ประกาศออกมาค่อนข้างดี โดยกำไรสุทธิเติบโตจากปีก่อน 16% มาที่ 190 ล้านบาท ทำสิถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้กำไรทั้งปี 61 ออกมาที่ 721.49 ล้านบาท หรือเติบโต 15.7% จากการเข้าชิงส่วนแบ่งการตลาดจากค่ายผู้นำตลาดด้วยยอดขายแบรนด์จีนที่เติบโตโดดเด่น รวมทั้งต้นทุนการนำเข้าสินค้าได้ประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยนที่เงินบาทแข็งค่ามาก
แม้ปัจจุบันภาพรวมยอดขายของอุตสาหกรรมมีการเติบโตชะลอตัวลง (flat) แต่มีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนยอดขายไปยังแบรนด์ต่าง ๆ มากขึ้น โดย SYNEX ได้รับประโยชน์จากการแย่งส่วนแบ่งการตลาดของแบรนด์จีนที่ปัจจุบันได้รับความนิยมมากขึ้น ขณะที่ประเมิน P/E ปี 62 ที่ 13 เท่า และอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ระดับ 24% ซึ่งปัจจุบันถือว่ามี valuation ที่ค่อนข้างถูก
ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า SYNEX จะเติบโตได้มากกว่าอุตสาหกรรมสินค้า IT และ smartphone ที่ยังขยายตัวได้ 5-6% ต่อปี ทั้งจากประเภทสินค้าที่เพิ่มขึ้นและทำสัญญากับแบรนด์ใหม่ รวมถึงขยายฐานลูกค้าไปยังภาครัฐและงานโครงการ โดยคาดยอดขายปี 62 ที่ 4.1 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 10% จากปีก่อน
ส่วนอัตรากำไรเพิ่มขึ้นจากการทยอยปรับ product mix ที่มี margin ดีเข้ามาเพิ่ม และผลจาก Economy of scale ที่มากขึ้น โดยประเมินกำไรสุทธิเท่ากับ 827 ล้านบาท หรือเติบโต 17%
ทั้งนี้ SYNEX ยังคงเป็นหนึ่งในผู้นำของอุตสาหกรรมสินค้า IT ที่เป็น Megatrend ช่วยสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว แม้ยอดขายต้องเผชิญความผันผวนในระยะสั้นตามกระแสตอบรับของผู้บริโภค แต่ยังคงคำแนะนำซื้อบนราคาเหมาะสมปี 62 ที่ 17.00 บาท
บทวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า บริษัทมุ่งเน้นงานบริการที่มีอัตรากำไรดี หลังจากที่สัดส่วนของโทรศัพท์มือถือที่มียอดขายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นรวมของบริษัทลดลง โดยบริษัทมุ่งเน้นสู่บริการทางเทคโนโลยีที่มีอัตรากำไรขั้นต้นดี เช่น Smart Home ที่จะมีการเชื่อมต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านและควบคุมด้วยโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจะเป็นรายได้ในอนาคต แต่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ยังไม่ส่งผลต่อกำไรสุทธิโดยตรง เป็นการวางรากฐานรายได้ในอนาคต
บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 10%-15% ซึ่งโดยปกติบริษัทสามารถทำรายได้ตามที่ตั้งไว้มาโดยตลอด ทั้งนี้ประเมินการเติบโตของรายได้ในปี 62 ที่ 11.8% โดยการเติบโตของโทรศัพท์มือถือยังเป็นหลักในการเพิ่มรายได้ของบริษัท ในขณะที่งานโปรเจ็คต์มีโอกาสหนุนอัตรากำไรให้เพิ่มขึ้น