(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นเกาหลีใต้: ดาวโจนส์ฟื้น หนุนคอมโพสิตปิดพุ่งขึ้น 34.58 จุด

          ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดพุ่งขึ้นในวันนี้(24 ม.ค.) โดยดัชนีดีดตัวขึ้นมา 2 วัน หลังจากที่ร่วงลงกว่า 4% ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนักลงทุนขานรับบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ จากความหวังที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในที่ประชุมสัปดาห์หน้า หลังจากที่ได้ประกาศลดดอกเบี้ยฉุกเฉินไปแล้วเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
          อย่างไรก็ตาม นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นเล็กน้อย หลังจากที่ตลาดหุ้นจีนขยับร่นลงมา แต่ต่อมานักลงทุนก็เข้าซื้อเก็งกำไรกันอย่างต่อเนื่องในระหว่างวันเนื่องจากมองว่า ตลาดหุ้นเกาหลีใต้อ่อนตัวลงมาต่ำพอที่จะเข้าช้อนซื้อหุ้นได้ในราคาถูก          
          สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีคอมโพสิตปิดพุ่งขึ้น 34.58 จุด หรือ 2.1% แตะระดับ 1,663.00 จุด หลังจากเคลื่อนไหวในกรอบ  1,675.69 - 1,649.00 จุด
          มิน ซัง-อิล นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ฮานวากล่าวว่า "นักลงทุนคลายความวิตกลงอย่างมากหลังจากที่เห็นตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ ซึ่งทำให้นักลงทุนที่ยังมีความตื่นตระหนกอยู่เมื่อวานนี้ เข้าซื้อขายหุ้นตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์กที่มีปฏิกิริยาขานรับต่อการประกาศลดดอกเบี้ยฉุกเฉินของเฟด"
           กลุ่มนักลงทุนต่างชาติอาจยังลังเลใจที่จะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติม ขณะที่ดอกเบี้ยในสหรัฐที่ลดต่ำลงเป็นแรงจูงใจที่ดีที่ทำให้นักลงทุนยังไม่เทขายหุ้นออกมา โดยปริมาณการซื้อขายในวันนี้มีอยู่เบาบางเพียง 265 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 5.2 ล้านล้านวอน 
          หุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิพปิดพุ่งขึ้นนำหุ้นกลุ่มอื่นๆในกระดาน โดยนักลงทุนได้รับข่าวดีจากราคาเมมโมรี่ชิพที่ดีดตัวขึ้นเมื่อช่วงที่ผ่านมาและจากการทำข้อตกลงควบรวมกิจการระหว่างผู้ผลิตชิพรายใหญ่ในประเทศสองแห่ง
          โดยซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์และไฮนิกซ์ เซมิคอนดักเตอร์ตกลงที่จะร่วมงานกันเพื่อพัฒนาอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์รุ่นใหม่เพื่อช่วยให้เกาหลีใต้รักษาความเป็นบริษัทชั้นนำในการแข่งขันกับบริษัทอื่นๆในตลาดโลก
          หุ้นซัมซุง ถีบตัวขึ้น 3% และหุ้นไฮนิกซ์ปิดบวก 2.8%
          หุ้นปอสโคปิดอ่อนตัวลง 0.6% จากแรงเทขายทำกำไรหลังจากที่หุ้นพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อวานนี้จากราคาเหล็กที่ปรับตัวสูงขึ้น
          หุ้นแอลจี อิเล็กทรอนิกส์ปิดทะยานขึ้น 2.8% จากรายงานผลประกอบการไตรมาสสี่ที่แข็งแกร่งตามที่คาดการณ์ไว้ โดยยอดขายในช่วงเวลาดังกล่าวพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากยอดขายสินค้าประเภทอุปกรณ์มือถือที่สดใสในตลาดโลก