GBS คาดหุ้นไทยผันผวนขาขึ้นให้กรอบ 1,640-1,680 จุด รับปัจจัยบวกและลบจากตปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 26, 2019 10:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มผันผวนขาขึ้นคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,640-1,680 จุด พร้อมแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่เข้าคำนวณ FTSE Large Cap เช่น HMPRO, GULF, EA, MINT, MAKRO, BEM, DIF และ FTSE Mid Cap เช่น MTC, GPSC ซึ่งจะมีผลในวันที่ 15 มี.ค.นี้ และหุ้นได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง VGI, PLANB, MACO, CPALL, MAKRO, BJC และ TKS รวมทั้ง AOT, CENTEL และ ERW ได้อานิสงส์ขยายเวลาฟรีค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยว

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากต่างประเทศ อาทิ สหรัฐมีแนวโน้มเลื่อนเวลาในการปรับเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนออกไปจากเดิมที่จะมีผลบังคับใช้ 1 มี.ค.นี้ เนื่องจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนมีความคืบหน้า และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่ายังไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ทำให้ปีนี้เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1-2 ครั้งจากที่ปรับขึ้น 4 ครั้งในปีที่ผ่านมา

ขณะที่ยังมีปัจจัยกดดันการลงทุนตลาดหุ้น คือ ปัญหาการที่อังกฤษจะออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) ยังไม่มีความแน่นอน โดยอาจล่าช้าออกไปอีก 2 เดือนจากเดิมมีกำหนดเส้นตายวันที่ 29 มี.ค.ทั้งนี้ นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษประกาศเลื่อนวันลงมติในรัฐสภาต่อข้อตกลง Brexit ออกไปเป็นวันที่ 12 มี.ค. เพียง 17 วันก่อนที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) กดดันให้รัฐสภาตัดสินใจเลือกระหว่างข้อตกลง Brexit ที่ใช้ไม่ได้ของนางเมย์ หรือการที่อังกฤษจะแยกตัวจาก EU โดยไม่มีการทำข้อตกลง

รวมทั้งค่าเงินบาทแข็งค่าทำให้รายได้จากการส่งออกในรูปเงินบาทลดลง และส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้าส่งออกของไทย กดดันการเติบโตของการส่งออกไม่เป็นไปตามเป้า โดยในเดือน ม.ค. 62 มูลค่าส่งออกลดลง 5.7% และช่วงไตรมาสแรกมีแนวโน้มชะลอตัว แม้จำนวนนักท่องเที่ยวปรับดีขึ้นขานรับมาตรการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่า (E-VOA)

นอกจากนั้น ยังคงมีปัจจัยที่น่าจับตาเพิ่มเติม ได้แก่ การเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างของสหรัฐเดือน ธ.ค. ราคาบ้านของสหรัฐเดือน ธ.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.พ.ของสหรัฐในวันที่ 26 ก.พ.นี้

และในวันที่ 27 ก.พ. ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคำร้องยุบพรรคไทยรักษาชาติ พร้อมทั้งจีนเปิดเผยกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือน ม.ค. ด้าน EU จะเปิดเผยความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน ก.พ. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.พ.และสหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนธ.ค. ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนม.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์

ในวันที่ 28 ก.พ. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธฟท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย จีน เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนก.พ.จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) และสหรัฐ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตัวเลข GDP ไตรมาส 4/61 ดัชนี PMI เขตชิคาโกเดือนก.พ. และในวันที่ 1 มี.ค. ญี่ปุ่น เปิดเผยอัตราว่างงานเดือนม.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.

ส่วนจีน เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.พ.จากไฉชิน อียู เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.พ. อัตราว่างงานเดือนม.ค. และสหรัฐ เปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ม.ค. รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนม.ค.ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.พ. ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.พ. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.

ด้านแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ต้นสัปดาห์นี้ประธานเฟดมีกำหนดการแถลงนโยบายการเงินและตอบคำถามต่อคณะกรรมาธิการสภา ซึ่งตลาดคาดการณ์ในเชิงบวกต่อการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ และอาจรวมถึงการปรับมาตรการลดงบดุลด้วย ส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนลงตามทิศทางเงินทุนไหลกลับเข้าเก็งกำไรสินทรัพย์เสี่ยงและตลาดเกิดใหม่ ในขณะที่การเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯมีความคืบหน้า ทำให้กำหนดการเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจีนถูกเลื่อนออกไปจากวันที่ 1 มี.ค. แต่ยังต้องติดตามกันต่อไปว่าทิศทางสงครามการค้าของ 2 ประเทศ จะเป็นอย่างไรหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะเยือนเวียดนามเพื่อพบกับคิมจองอึนระหว่างวันที่ 27–28 ก.พ.

นอกจากนี้ มีความเป็นไปได้มากว่าอังกฤษอาจตัดสินใจเลื่อนเส้นตายวัน Brexit อย่างเป็นทางการออกไป เนื่องจากทั้งฝั่ง EU และรัฐสภาอังกฤษต่างไม่ต้องการให้เกิด no deal Brexit ซึ่งทั้งหมดถือเป็นปัจจัยลบต่อทองคำ จึงมีโอกาสที่ราคาจะอ่อนตัวลงทดสอบ 1,320 ดอลลาร์ อีกครั้ง คาดการณ์กรอบราคาระหว่าง 1,320–1,350 ดอลลาร์ แนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว และแบ่งขายเมื่อมีกำไรเพื่อลดความเสี่ยงจากเงินบาทที่ผันผวน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ