นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ (TNR) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานใน 62 บริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มรายได้และขีดความสามารถการทำกำไรที่ดีขึ้น จากแผนงานเพิ่มยอดขายจากฐานลูกค้าเดิมและขยายตลาดใหม่ ๆ ให้แก่แบรนด์ PLAYBOY , ราคาวัตถุดิบ ได้แก่ ราคาซิลิโคนที่ปรับลดลงในปัจจุบัน ส่วนราคายางพาราที่เป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลักอยู่ในภาวะทรงตัว
นอกจากนี้ ยังจะบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามกรณีที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจพิจารณาปรับขึ้นสินค้าในตลาดต่างประเทศเพื่อลดผลกระทบจากค่าเงินบาทผันผวน และตั้งเป้าให้บริษัท บ๊อก เอเชีย กรุ๊ป อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์กระดาษที่ TNR เข้าซื้อกิจการเมื่อปีที่ผ่านมาเพื่อใช้เป็นฐานการผลิตแพ็กเกจจิ้งถุงยางอนามัย พลิกกลับมามีกำไรในครึ่งปีหลังของปีนี้
"จากแผนการดำเนินงานที่วางไว้ เราตั้งเป้าว่าจะผลักดันรายได้และขีดความสามารถการทำกำไรที่ดีกว่าปีที่ผ่านมา โดยมั่นใจว่าหากค่าเงินบาทไม่ผันผวนมากเหมือนเช่นปีก่อน และบริษัทสามารถผลักดันยอดขายจากการส่งออกและตลาดในประเทศได้ตามแผนงาน จะส่งผลให้เราสามารถสร้างการเติบโตได้ตามเป้าหมาย"นายอมร กล่าว
นายอมร กล่าวอีกว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/61 มีกำไรสุทธิ 53.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 743% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6.3 ล้านบาท และมีรายได้รวม 402 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 360.3 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจากการส่งมอบผลิตภัณฑ์ถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นภายใต้แบรนด์ PLAYBOY ให้แก่ตัวแทนจำหน่ายในประเทศต่าง ๆ หลังจากเข้าซื้อสิทธิ์การขายและทำการตลาดเมื่อปีที่ผ่านมา
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 61 มีรายได้รวม 1,460 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,293.9 ล้านบาท ปัจจัยมาจากการรับรู้รายได้จากแบรนด์ PLAYBOY และรายได้จากธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) ที่เติบโตจากปีก่อน อย่างไรก็ตามเนื่องจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงครึ่งปีแรกของปีที่ผ่านมา และค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการเข้าทำสัญญาซื้อสิทธิการขายและทำการตลาดถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นแบรนด์ PLAYBOY ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 108.9 ล้านบาท ชะลอตัวจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 121.2 ล้านบาท