นายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซันสวีท (SUN) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโต 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,838.4 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมียอดคำสั่งซื้อรอผลิตในมือแล้ว คิดเป็น 1 ใน 3 ของเป้าหมายรายได้ในปีนี้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าเดิมในมือกว่า 200 ราย ที่มีแผนการขายและสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้า เป็นสัญญาล่วงหน้าระยะ 3-6 เดือน
ทั้งนี้ บริษัทได้เพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักรสำหรับสายการผลิตข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋อง (Canned) และประเภทบรรจุถุงสุญญากาศ (Pouch) รวมถึงติดตั้งเครื่องจักร เพื่อขยายสายการผลิตข้าวโพดหวานแช่แข็ง (Frozen) แล้วเสร็จพร้อมดำเนินการผลิตเต็มศักยภาพ ส่งผลให้ผลิตข้าวโพดหวานทั้งปีได้เพิ่มขึ้น 10-15% หรือจะมีกำลังการผลิตที่ 150,000 ตัน จากกำลังการผลิตเดิมที่ 128,000 ตัน โดยแบ่งเป็นสัดส่วนการผลิตข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋องอยู่ที่ 60% ข้าวโพดหวานประเภทบรรจุถุงสุญญากาศ 15% และเพิ่มผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานแช่แข็งเป็น 25% จากการผลิตทั้งหมด
สำหรับสัดส่วนรายได้ในปี 62 จะมาจากในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 20-30% จากเดิมที่มียอดขายภายในประเทศอยู่ที่ 20% โดยการหันมาเน้นสัดส่วนรายได้จากในประเทศมากขึ้น เพื่อเป็นการบริหารจัดการความเสี่ยงเกี่ยวกับค่าเงินที่แข็งค่ามาตลอดตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา นอกจากนี้บริษัทยังมีการเจรจากับลูกค้าในต่างประเทศเพื่อที่จะปรับเปลี่ยนการรับเงินเป็นสกุลเงินอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากดอลลาร์สหรัฐ และการปรับราคาขายสินค้าขึ้นเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงด้านค่าเงินอีกด้วย
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทยังคงสัดส่วนตลาดต่างประเทศอยู่ที่ 80% ของการขายทั้งหมด เน้นกลุ่มลูกค้าประเทศที่นิยมบริโภคผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวาน อาทิ ภูมิภาคเอเชียตะวันออก ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน และ กลุ่มทวีปยุโรป รวมไปถึงการเปิดตลาดใหม่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ซึ่งใช้วิธีการนำผลิตภัณฑ์ออกงานแสดงสินค้าต่าง ๆ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิม และ สร้างกลุ่มลูกค้าใหม่ให้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศประมาณ 50-60 ประเทศ เป็นลูกค้าในกลุ่มประเทศเอเชียเกินกว่า 50% และไม่ยึดติดกับลูกค้าเพียงรายเดียวในแต่ละประเทศ เพื่อเป็นการกระจายความเสียงของบริษัทด้วย
"จากการที่นำผลิตภัณฑ์ออกงานแสดงสินค้าในช่วงปีที่ผ่านมา เราได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปีนี้บริษัทมีแผนดำเนินการปรับสัดส่วนและขยายกำลังการผลิตมากขึ้น นอกจากนี้เรายังมีการทำ Forward Contract ให้เป็นมาตรฐานของบริษัทเพื่อบริหารความเสี่ยงในเรื่องค่าเงิน และถึงแม้ว่าบริษัทจะประสบกับความเปลี่ยนแปลงของค่าเงินที่แข็งค่าขึ้นก็ตาม แต่หากพิจารณาถึงยอดปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี ก็เชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้"
นายองอาจ กล่าวถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/62 จะเติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 440 ล้านบาท ซึ่งเห็นสัญญาณตั้งแต่เดือนม.ค. ที่ผ่านมา ทั้งการส่งมอบ การผลิต และการจัดหาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง