ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดปรับร่วงลงในวันนี้ (24 ม.ค.) หลังหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ร่วงลงอย่างหนัก ในขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารก็ปรับลดลงเช่นกัน หลัง CLSA ปรับลดราคาเป้าหมายหุ้นเอชเอสบีซี และคงระดับความน่าลงทุนของเอชเอสบีซีไว้ที่ "sell'
นอกจากนั้นนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐและวิกฤติตลาดสินเชื่อ แม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดดอกเบี้ยฉุกเฉินถึง 0.75% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และมีแนวโน้มว่าจะลดดอกเบี้ยอีกในการประชุมสัปดาห์หน้า
หุ้นกลุ่มบริษัทจีนก็ปรับลดลงเช่นกัน เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดทำให้นักลงทุนเกรงว่าจีนอาจมีการใช้มาตรการควบคุมทางการเงินที่เข้มงวดกว่าเดิม
วันนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนประกาศว่า เศรษฐกิจจีนมีการขยายตัว 11.4% เมื่อปีที่แล้ว นับเป็นการขยายตัวด้วยตัวเลข 2 หลักเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน และเป็นอัตราการขยายตัวที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2537
สำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์รายงานว่า ดัชนีฮั่งเส็งร่วง 550.9 จุด หรือ 2.29% ปิดที่ 23,539.27 จุด หลังแตะระดับต่ำสุดที่ 23,478.87 จุด และระดับสูงสุดที่ 24,966.17 จุด
"เฟดและธนาคารกลางยุโรปมีมุมมองเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยแตกต่างกัน ส่งผลให้นักลงทุนไม่มั่นใจว่าตลาดโลกกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางใด" โทนี่ เอสปิน่า ประธานสมาคมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ฮ่องกง กล่าว
"นักลงทุนยังไม่เข้าใจว่าปัญหาในสหรัฐแตกต่างจากปัญหาในยุโรป สถาบันการเงินหลายแห่งในยุโรปกำลังประสบกับปัญหาที่แตกต่างกันไป ดังนั้นการลดดอกเบี้ยจึงไม่สามารถแก้ปัญหาได้"
ธนาคารโซซิเอเต เจเนอราลของฝรั่งเศส (ซอคเจน) ประกาศในวันนี้ว่า ทางธนาคารขาดทุนราว 4.9 พันล้านยูโรจากโบรกเกอร์ และอีกราว 2 พันล้านยูโรจากวิกฤติซับไพร์มของสหรัฐ
ด้านเอ็ดเวิร์ด เฟ็ง หัวหน้าฝ่ายวิจัยจากกิมเอง กล่าวว่า "นักลงทุนต้องการกลับเข้าสู่ตลาดในตอนที่ตลาดร่วงลงอย่างหนักเมื่อต้นสัปดาห์ แต่พวกเขายังลังเลเนื่องจากตลาดยังขาดเสถียรภาพ"
"นักลงทุนกลัวสารพัด อย่างการลดดอกเบี้ยของเฟดจะได้ผลหรือไม่ ถ้าเฟดลดดอกเบี้ยแล้วเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ฟื้นล่ะ หรือทำไมเฟดถึงลดดอกเบี้ยฉุกเฉินตอนนี้ ทำไมไม่รอให้ถึงการประชุมสัปดาห์หน้า"
นายเอสปิน่ากล่าวว่า "คงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 สัปดาห์ที่การลดดอกเบี้ยของเฟดจะส่งผลให้เห็น ดังนั้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ตลาดจะยังคงผันผวนอยู่เช่นเดิม"
แม้ตลาดจะร่วงลงอย่างหนัก แต่ยังมีหุ้นบางตัวที่สวนกระแสดังกล่าว อย่างหุ้น HKEx ซึ่งปรับเพิ่ม 4.32%
ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารปรับลดลงเป็นส่วนมาก โดยหุ้นเอชเอสบีซี ขยับลง 0.69%, หุ้นฮั่งเส็งแบงค์ ลดลง 3.94%, หุ้นบีโอซี ฮ่องกง ลดลง 2.51% และ หุ้นแบงค์ ออฟ อีสท์ เอเชีย ขยับขึ้น 0.11%
ด้านหุ้นกลุ่มธนาคารจีน หุ้นไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงค์ ลดลง 2.42%, หุ้นไอซีบีซี ลดลง 2.24%, หุ้นแบงค์ ออฟ คอมมิวนิเคชั่นส์ ขยับลง 0.45% ส่วนหุ้นแบงค์ ออฟ ไชน่า ยังทรงตัว
ด้านหุ้นบลูชิป ประกอบด้วย หุ้นไชน่าโมบาย ลดลง 3.49% แล หุ้นไชน่าไลฟ์ ลดลง 3.29%
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เป็นแกนนำในการปรับลดลง โดยหุ้นเฉินกง ร่วง 6%, หุ้นซันฮุงไก ลดลง 2.39%, หุ้นเฮนเดอร์สัน แลนด์ ลดลง 3.1%, หุ้นซิโน แลนด์ ลดลง 3.54% และ หุ้นนิวเวิลด์ เดเวลอปเมนท์ ร่วง 4.55%
หุ้นกลุ่มบริษัทน้ำมันก็ปรับลดลงเช่นกัน โดยหุ้นปิโตรไชน่า ลดลง 3.19%, หุ้นซิโนเปค ร่วง 6.33% และ หุ้น CNOOC ลดลง 3.75%
ดัชนีฮั่งเส็ง ไชน่า เอ็นเตอร์ไพรซ์ ร่วง 346.33 จุด หรือ 2.61% ปิดที่ 12,933.20 จุด หลังแตะระดับสูงสุดที่ 13,980.67 จุด
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--