นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) หรือไอวีแอล เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 62 ยังคงมีภาพเป็นบวก เป็นผลมาจากการปรับปรุงโครงสร้างในห่วงโซ่คุณค่าธุรกิจ PET และการพัฒนาการดำเนินงานกลุ่มธุรกิจเส้นใย ช่วยผลักดันการเติบโตของกำไรหลังจากนี้
บริษัทคาดว่าปริมาณการผลิตในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 13 ล้านตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 10.4 ล้านตันในปี 61 บริษัทมั่นใจว่าสามารถทำกำไรได้ตามการประเมินผลการประกอบการที่ 1,750 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 62 ขณะที่ตามแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจสำหรับปี 66 ยังมุ่งทำกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากปี 61 โดยมีงบประมาณการลงทุนอยู่ที่ 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐจากกระแสเงินสดภายใน
สำหรับการลงทุนที่กำลังดำเนินอยู่ บริษัทมีรายจ่ายฝ่ายทุนที่จัดสรรไว้แล้วจำนวน 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโครงการก๊าซแครกเกอร์ที่รัฐหลุยส์เซียนา และโรงงานผลิต PTA และ PET แบบบูรณาการ ที่เมืองคอร์ปัส คริสตี มลรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา โดยโครงการลงทุนนี้จะช่วยสนับสนุนการดำเนินงานในปี 62, 63 และ 64 ซึ่งน่าจะทำให้เกิดผลกำไรที่สูงขึ้น และช่วยให้หนี้สินต่อส่วนทุนในงบแสดงฐานะทางการเงินมีสัดส่วนที่ดีขึ้น
ด้านการพัฒนากลุ่มธุรกิจนั้น ทุกกลุ่มธุรกิจของไอวีแอลมีความสามารถ หรือมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA margins) สองหลักตลอดทั้งวัฎจักรอุตสาหกรรม กลุ่มธุรกิจของไอวีแอลในปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนและแบ่งเป็น 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ ธุรกิจ Integrated PET, ธุรกิจโอเลฟินส์, ธุรกิจเส้นใย (fiber) , ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ และธุรกิจเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty Chemicals) ซึ่งคาดว่าจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของไอวีแอลในอนาคต
"ในปี 61 เรามีการเติบโตสูงสุดในประวัติศาสตร์ เรามีกิจการใหม่ที่เข้าซื้อ 12 แห่งและกิจการร่วมทุน 3 แห่งที่เราครอบครอง การแบ่งกลุ่มธุรกิจใหม่จะช่วยขับเคลื่อนวิถีการเติบโตในอนาคตของเรา จากความแข็งแกร่งทางการเงิน ทีมผู้นำที่มีความเข้มแข็ง และตำแหน่งในตลาดที่แข็งแกร่งตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า ผมมั่นใจว่าเราจะยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง และปี 62 จะเป็นอีกปีที่ไอวีแอลเติบโตไปอย่างก้าวล้ำ"นายอาลก กล่าว
นายอาลก กล่าวว่า สำหรับผลประกอบการของ IVL ในปี 61 มีรายได้รวม 1.07 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบปีต่อปี ,กำไรหลักก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (Core EBITDA) อยู่ที่ 1.44 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบปีต่อปี อัตรากำไรหลักรวมก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (Core EBITDA Margins) เพิ่มขึ้น 13% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 819 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบปีต่อปี ขณะที่มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเท่ากับ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่ IVL ชี้แจงเพิ่มเติมว่า บริษัทได้ลงทุนรวม 2.26 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 61 การลงทุนนี้รวมถึงการลงทุนในครึ่งปีหลังของปี 60 จะส่งผลในเชิงบอกต่อผลการดำเนินงานในปี 62 ซึ่งจะเป็นอีกปีหนึ่งที่น่าสนใจ ขณะที่กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ ทำให้มีการรับรู้ถึงห่วงโซ่ Integrated PET ที่ดีขึ้นในตลาดฝั่งยุโรปและอเมริกา อัตรากำลังการผลิตที่สูงขึ้น และกำไรต่อตันที่สูงขึ้นของผลิตภัณฑ์ fiber ทำให้บริษัทมีความมั่นใจว่าจะสามารถทำกำไรได้ตามเป้าหมายที่ 1.75 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 62
บริษัทเล็งเห็นถึงความสามารถในการลงทุนเป็นจำนวน 3-4 พันล้านบาทของคาดการณ์กระแสเงินสดอิสระในอีก 3 ปีข้างหน้า (62-64) ในธุรกิจที่มีอัตรากำไร EBITDA สองหลัก เงินจำนวนนี้เป็นส่วนที่นอกเหนือจากการลงทุนที่ได้ทำไปแล้วหรือได้ทำสัญญาแล้วในปี 61 ในโครงการต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ และจะรับรู้ผลกำไรในปี 62, 63 และ 64 และยังช่วยให้หนี้สินต่อส่วนทุนในงบแสดงฐานะการเงินมีสัดส่วนลดลง ขณะที่การมุ่งเน้นความแตกต่างของบริษัทในการลงทุนในธุรกิจที่มีการเติบโตสูงใน 5 กลุ่มดังกล่าว บริษัทมั่นใจว่าจะรักษาวิถีการเติบโตในระยะยาวและตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่ม Core EBITDA เป็นสองเท่าในช่วง 5 ปีข้างหน้า
ด้านที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (26 ก.พ.) อนุมัติกำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2562 ในวันพุธที่ 24 เมษายน 2562 โดยมีวาระการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 ที่สำคัญ ได้แก่ การพิจารณาอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้เพิ่มเติมจำนวนไม่เกิน 7.5 หมื่นล้านบาท โดยจะออกเสนอขายครั้งเดียวหรือหลายคราวก็ได้ มีอายุไม่เกิน 20 ปี