TCAP คาดปี 51 กำไรโตกว่าปีก่อน ตามรายได้ที่คาดโต 20-30%

          นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทุนธนชาต (TCAP) เปิดเผยปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 51 โต 20-30% จากปีก่อนมีรายได้ 18,799 ล้านบาท และคาดว่ากำไรสุทธิจะมากกว่าปีก่อนที่มีกำไร 2.,818 ล้านบาท
พร้อมขยายสินเชื่อให้ได้  6 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 24% จากปีก่อน และตั้งเป้าอัตราผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity: ROE) เพิ่มขึ้นมาก 10% จากปี  50           
          "ปีนี้ธนาคารจะมุ่งเน้นขยายสินเชื่อเอสเอ็มอี และ สินเชื่อรายใหญ่ ปัจจุบันสินเชื่อรายย่อยมีสัดส่วนสูงอยู่ จึงต้องหันมาเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อที่ยังมีสัดส่วนน้อยอยู่" นายศุภเดช กล่าว 
          ทั้งนี้ รายได้จากธนาคารธนชาต(TBANK)คิดเป็นมีสัดส่วน 53% ของรายได้รวม TCAP  โดย TCAP เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่  74.9%
          นายศุภเดช กล่าวว่า บริษัทยังวางเป้าหมายในช่วงใน 3 ปีข้างหน้า (51-53)โดยตั้งเป้ายอดสินชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นเป็น 4.09 แสนล้านบาทจาก 2.4 แสนล้านบาทในปัจจุบัน ขณะที่สัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อลดลงเหลือ 62% จาก 79.8% , สินเชื่อรายใหญ่(corporate) เพิ่มเป็น 20% จาก 8.6% , สินเชื่อเอสเอ็มอี เป็น 10% จาก 4.54% และ สินเชื่อรายย่อย 8% จาก 7.1% 
          ขณะที่ตั้งเป้าเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง(BIS)อยู่ที่ 15% จาก 13% ปัจจุบันเนื่องจากจะมีเงินเพิ่มทุนของธนาคารสโกวาเทียประมาณ 7 พันล้านบาทที่จะเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ TBANK จาก TCAP ในช่วงครึ่งปีหลัง ตามแผนที่ธนาคาารสโกวาเทียเพิ่มสัดส่วนถือหุ้นเป็น 49 % หลังพ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถาบันการเงิน ฉบับใหม่มีผลบังคับใช้                     
          ส่วนธนาคารธนชาต(TBANK) มี BIS อยู่ที่ 12% ในปัจจุบัน และใน 3 ปีข้างหน้าจะลดลง แต่จะรักษาระดับไว้ที่ 11.6% เพื่อคงรักษา ROE 
          "เราตั้งใจรักษาเงินกองทุนอยู่ ที่ 11% แต่เราเผื่อเรื่องบาเซิล 2 ก็เลยมาอยู่ที่ 11.6% เพราะคาดว่าถ้ามีบาเซิล 2 เงินกองทุนจะลดลง 0.6-0.7%  และปีนี้ธนาคารจะขยายธุรกิจบัตรเครดิต คาดเริ่มได้ต.ค.นี้"นายศุภเดช กล่าว  
           ภายใน 3 ปี ธนาคารธนชาตคาดว่าจะมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM)  ลดลง 3.0-3.5% จาก 3.5-4%ในปัจจุบัน และต้นทุนการดำเนินงานจะลดลงเหลือ 55% จาก 65% , NPL ลดลงเหลือ 4.5 จาก 4.7%