นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) หรือไอวีแอล เปิดเผยว่า กลุ่มไอวีแอลวางเป้าหมายช่วง 5 ปีข้างหน้า (ปี 62-66) จะมีกำไรหลักก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (Core EBITDA) เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่ามาที่ระดับ 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ จาก 1.44 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 61
ส่วนในปี 62 นี้บริษัทมีเป้าหมายจะมี Core EBITDA ในปีนี้ที่ระดับ 1.75 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการเติบโตจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นเป็น 13 ล้านตัน จากระดับ 10.4 ล้านตันในปีที่แล้ว ขณะที่ยังเดินหน้าทำดีลการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) ต่อเนื่องเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ
ขณะที่ช่วง 5 ปีข้างหน้าหรือในปี 66 คาดว่ารายได้รวมจะเพิ่มเป็น 1.6-1.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ จาก 1.07 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี 61 มาจากกำลังการผลิตในมือที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 16 ล้านตัน/ปี ยังไม่นับรวมกำลังการผลิตที่อาจจะเพิ่มขึ้นจากดีล M&A ในอนาคตด้วย โดยในปีนี้คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 1.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่รายได้ยังขึ้นอยู่กับทิศทางราคาน้ำมันด้วย
ทั้งนี้ กลุ่มไอวีแอลมีกรอบวงเงินลงทุนในช่วงปี 62-64 ประมาณ 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะมาจากกระแสเงินสดภายในที่มีความแข็งแกร่ง โดยปัจจุบันมีกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานอยู่ที่ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ประเมินเงินลงทุนในปี 62 ที่ 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะเป็นการลงทุนเพื่อใช้ขยายกำลังการผลิตตามแผนงานที่มีอยู่ในมือ และการทำดีล M&A เพิ่มเติม
"การลงทุนในปัจจุบันผลักดันให้เราประสบความสำเร็จทั้งในประเทศและทั่วโลก และเรามีกระแสเงินสดที่เข้มแข็งที่จะผลักดันให้เราเติบโตได้ในอนาคต"นายอาลก กล่าว
นายอาลก กล่าวอีกว่า การเติบโตของกลุ่มไอวีแอล มาจาก 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ ธุรกิจ Integrated PET, ธุรกิจโอเลฟินส์, ธุรกิจเส้นใย (fiber) , ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ และธุรกิจเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty Chemicals) มีโรงงานผลิตครอบคลุมภูมิภาคหลักทั่วโลก ได้แก่ แอฟริกา เอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ โดยธุรกิจ Integrated PET นับว่าสร้าง EBITDA ให้กับกลุ่มไอวีแอลมากสุด สำหรับตลาด Integrated PET และ ไฟเบอร์ยังคงเติบโตได้ตามความต้องการใช้ที่มีมากขึ้น ขณะที่ยังมองการดีล M&A เพิ่มเติมทั้งในบราซิล และอินเดีย โดยเฉพาะอินเดียที่มีตลาดเติบโตค่อนข้างดี ส่วนในแอฟริกาก็ยังเห็นโอกาสเติบโตในฝั่งตะวันออกด้วย ด้านการผลิตในประเทศก็จะเน้นขยายโรงงานรีไซเคิล
ด้านนายดีลิป กุมาร์ อากาวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหารกลุ่มธุรกิจ Feedstock และ PET ของ IVL กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทมีดีลM&A ในมือ 2-3 ดีล ได้แก่ โครงการผลิตเส้นใยโพลีเอสเตอร์ในอินเดีย ซึ่งได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯแล้ว ,โครงการผลิตเส้นใย (Fiber) ในอินเดีย ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในสิ้นเดือน มี.ค. นอกจากนี้ยังมีดีลขนาดเล็ก 2 แห่งในเยอรมนี เป็นการผลิต PET ชนิดพิเศษ ซึ่งเป็นการลงทุนเพิ่มเติมให้ครอบคลุมมากขึ้นจากที่มีการลงทุนอยู่บ้างแล้ว คาดว่าจะสรุปได้ในสัปดาห์แรกของเดือน มี.ค. ส่วนจะมีดีล M&A เพิ่มเติมอีกหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับโอกาสที่จะเข้ามาในอนาคต
สำหรับเงินที่จะใช้ลงทุนนั้น บริษัทนับว่ามีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง แม้ว่าล่าสุดคณะกรรมการบริษัทจะอนุมัติเพิ่มวงเงินออกหุ้นกู้อีก 7.5 หมื่นล้านบาทนั้น แต่ก็เห็นว่ายังไม่ความจำเป็นที่จะต้องหาแหล่งเงินเพื่อลงทุนในช่วงนี้