นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่า ในปี 62 บริษัทยังเดินหน้าธุรกิจตามแผน มีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและพัฒนาอีก 17 โครงการ รวมกำลังการผลิตติดตั้ง 1,050 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตโดยรวมเพิ่มเป็น 3,126 MW ณ ปี 65 โดยเป็นโครงการที่มีกำหนดการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในปีนี้ 4 โครงการ รวมกำลังการผลิตติดตั้ง 697 MW ได้แก่
โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนาม DTE1&2 ซึ่งเป็นโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่อยู่ระหว่างพัฒนาที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนด้วยกำลังการผลิตติดตั้ง 420 MW และโครงการ Phu Yen TTP กำลังการผลิตติดตั้ง 257 MW โดยทั้งสองโครงการมีกำหนดการ COD ในเดือน มิ.ย. โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Nam Che กำลังการผลิตติดตั้ง 15 MW คาดว่าจะ COD ได้ในครึ่งแรกของปี และโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 5 MW ซึ่งมีกำหนดการ COD ในช่วงสิ้นปี นับเป็นปีที่บริษัทจะมีการเติบโตของกำลังการผลิตอย่างก้าวกระโดดกว่า 34%
นอกจากนี้ บริษัทเพิ่งประกาศความสำเร็จในการซื้อโรงไฟฟ้า โกลว์ เอสพีพี 1 จากบมจ.โกลว์ พลังงาน (GLOW) ซึ่งคาดว่าจะได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ภายในไตรมาส 1/62 บริษัทเล็งเห็นถึงศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าโครงการในระยะยาว เนื่องจากพื้นที่มาบตาพุดเป็นแหล่งอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุด มีความต้องการไฟฟ้าและไอน้ำในระดับสูงมาก และโรงไฟฟ้าแห่งนี้อยู่ในเงื่อนไขซึ่งได้รับความเห็นชอบให้ต่ออายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่สำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (เอสพีพี) จากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 24 ม.ค.62 หากรวมโครงการนี้แล้วกำลังการผลิตโดยรวมของบริษัทจะเพิ่มเป็น 3,250 MW ในปี 65
ส่วนโอกาสการลงทุนในต่างประเทศนั้น บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาและศึกษาข้อมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในหลายประเทศไม่ว่าจะเป็น ประเทศเกาหลี เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และลาว เพื่อบรรลุเป้าหมายกำลังการผลิตติดตั้งที่ 5,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 65
สำหรับผลการดำเนินงานปี 61 บริษัทมีการเติบโตของรายได้กว่า 16.2% จากปีก่อนหน้าเป็น 36,585 ล้านบาท จากการเปิดCOD ของโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก ABPR3, ABPR4 และ ABPR5 จำนวนกำลังการผลิตติดตั้งรวม 399 MW และ COD ของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งพื้นดิน สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ 7 โครงการ รวมกำลังการผลิตติดตั้ง 30.8 MW ทำให้ปี 61 บริษัทมีกำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มขึ้น 430 MW หรือเติบโตถึง 26% จากปีก่อนหน้า
ขณะที่กำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (Normalized net profit) ขยายตัวเป็น 3,027 ล้านบาท เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่ 1,842 ล้านบาท ซึ่งเติบโตถึง 6.7% จากปีก่อนหน้า อันเป็นผลจากการ COD ของโรงไฟฟ้าใหม่ และการลดลงของต้นทุนทางการเงิน จากการออกหุ้นกู้ระดับโครงการในเดือน พ.ค. และหุ้นกู้ระดับบริษัทในเดือน ต.ค. และหุ้นกู้กรีนบอนด์ในเดือนธ.ค.61
อนึ่ง หุ้นกู้กรีนบอนด์ของบริษัทถือเป็นรายแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองโดย Climate Bonds Initiative มีการจัดทำแนวทางปฎิบัติสากลสอดคล้องกับมาตรฐานเกณฑ์การออกพันธบัตรอาเซียนกรีนบอนด์ (ASEAN Green Bond Standards) และได้รับรางวัล Most Innovative Bond Deal จากสมาคมตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เมื่อวันที่ 21 ก.พ ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ บริษัทจะจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนหลังของปี 61 ในอัตราหุ้นละ 17 สตางค์ โดยจะจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลตามที่ปรากฏรายชื่อ ณ วันกำหนดสิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 14 มี.ค.62 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 10 พ.ค.62