บริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (TPN) ในเครือ บมจ.เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี (PSTC) เซ็นสัญญากับไชน่า ปิโตรเลียมไปป์ไลน์ บูโร (CPP) เพื่อเดินหน้าก่อสร้างโครงการขยายระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มูลค่ากว่า 9,000 ล้านบาท และกำหนดระยะเวลาก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายใน 30 เดือน คาดเริ่มเปิดดำเนินการได้ภายในไตรมาส 4/64 เพื่อช่วยประหยัดพลังงานภาคขนส่ง ส่งผลให้ราคาน้ำมันในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนลดลง เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของไทย
นายภาณุ ศีติสาร ประธานกรรมการ PSTC และกรรมการ TPN กล่าวว่า คณะกรรมการบริษัทได้คัดเลือกบริษัทรับก่อสร้างและวางท่อขนส่งน้ำมัน CPP เพราะมีความชำนาญด้านการวางท่อขนส่งก๊าซและน้ำมันขนาดใหญ่มากกว่า 40 ปีมีประสบการณ์และผลงานการวางท่อขนส่งน้ำมัน และก๊าซทั่วโลกกว่า 100,000 กิโลเมตร ในทวีปแอฟริกา ตะวันออกกลางรัสเซีย และในเอเชีย
โครงการนี้ประกอบไปด้วยการวางระบบท่อขนส่งน้ำมันระยะทาง 342 กิโลเมตร ผ่าน 55 ตำบล 18 อำเภอ 5 จังหวัด เริ่มจากอำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี ไปสิ้นสุดที่ อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น และมีการก่อสร้างคลังน้ำมันปลายทางที่อำเภอบ้านไผ่ ขนาด 140 ล้านลิตร ทั้งนี้เมื่อระบบแล้วเสร็จจะลดปริมาณการขนส่งน้ำมันทางรถบรรทุกลงไปจำนวน 88,000 เที่ยวต่อปี คิดเป็นการประหยัดเชื้อเพลิงในการขนส่งลงไปได้กว่า 15.4 ล้านลิตรต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทฯ และ CPP อยู่ระหว่างร่วมมือกันในการศึกษาความเป็นไปได้ในการที่จะขยายการวางท่อขนส่งน้ำมันไปยังประเทศเพื่อนบ้านคือ สปป.ลาว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งน้ำมันไปจำหน่ายยัง สปป.ลาวให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ปัจจุบัน สปป.ลาวอาศัยการนำเข้าน้ำมันจากประเทศไทยปีละกว่า 1,200 ล้านลิตร และมีแนวโน้มการบริโภคน้ำมันที่สูงเพิ่มขึ้นทุกปีจากความเจริญทางด้านเศรษฐกิจ และสังคมในประเทศดังกล่าว
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า โครงการขยายระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือครั้งนี้ จะช่วยทำให้ราคาน้ำมันลงได้ประมาณ 10-20 สตางค์ต่อลิตร จากปัจจุบันที่พื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัดมีราคาน้ำมันต่างกันประมาณ 30 สตางค์ต่อลิตร เนื่องจากการขนส่งน้ำมันด้วยรถบรรทุกจากภาคกลางไปต่างจังหวัดระยะไกลส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันสูงขึ้น
สำหรับความคืบหน้าการดำเนินโครงการท่อส่งน้ำมันไปยังภาคเหนือของบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) ท่อส่งน้ำมันที่พาดผ่านจาก อำเภอบางปะอินไป จังหวัดพิจิตรจะแล้วเสร็จและเริ่มเปิดให้บริการได้ในเดือน มี.ค.นี้ ปัจจุบันท่อส่งน้ำมันของไทยที่กำลังดำเนินการอยู่มี 2 เส้นทาง คือ จากคลังน้ำมันบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา -ลำปาง รวมระยะทาง 569 กิโลเมตร และจากอำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี ไปสิ้นสุดที่ อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น
ดังนั้น จึงมอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงานไปศึกษาโอกาสการเชื่อมต่อท่อน้ำมันไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ท่อส่งน้ำมันภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จะสิ้นสุดที่จังหวัดขอนแก่น อาจต่อไปยังจังหวัดหนองคาย และต่อยังเวียงจันทน์ ของ สปป.ลาว ส่วนท่อน้ำมันภาคเหนือที่จะสิ้นสุดที่จังหวัดลำปาง อาจขยายต่อไปยังอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และต่อเชื่อมไปยังเมียวดี ประเทศเมียนมา ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดโอกาสขยายโครงข่ายพลังงานสู่อาเซียนอย่างแท้จริงต่อไป