นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. อสมท (MCOT) เปิดเผยถึงแผนงานในปี 62 ว่า บริษัทจะมุ่งเน้นธุรกิจใหม่ๆ ผ่านยุทธศาสตร์ 3 ด้านคือ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการภายในองค์กร ยุทธศาสตร์ที่ 2 บริหารจัดการเสถียรภาพทางการเงิน และยุทธศาสตร์ที่ 3 การสร้างมูลค่าและรายได้จากธุรกิจใหม่
นอกจากนี้ อสมท ได้เร่งรัดสร้างมูลค่าเพิ่มจากที่ดินที่มีอยู่ โดยเฉพาะที่ดิน 50 ไร่ และที่ดินที่เป็นที่ตั้งสำนักงานปัจจุบันของ อสมท 20 ไร่ ที่มีศักยภาพในย่านถนนรัชดา-พระราม 9 ซึ่งใกล้เคียงกับสถานที่สำคัญๆ อาทิ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9, ศูนย์วัฒนธรรม, สถานทูตจีนและเกาหลี, ธนาคารอาคารสงเคราะห์ที่สามารถลงทุนและต่อยอดทางธุรกิจได้ โดยเฉพาะศักยภาพของที่ดิน 50 ไร่ ที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีส้มและสายสีน้ำเงิน ซึ่งสะดวกสบายต่อการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ และขณะนี้ได้ผ่านการทำ Market Sounding กับกลุ่มนักลงทุนชั้นนำ และเปิดรับฟังความคิดเห็นจากหัวหน้าส่วนราชการ บุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในแต่ละธุรกิจ (Public Hearing ครั้งที่ 1) ถึงความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการพัฒนาที่ดินทั้งสองแปลง เมื่อวันที่ 4 ก.พ.และ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา
อีกทั้ง จะมุ่งเน้นทำโครงการร่วมกับภาครัฐเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างรายได้ให้กับองค์กร ดังจะเห็นได้จากธุรกิจโทรทัศน์ไตรมาสสุดท้ายที่มีรายได้จากโครงการภาครัฐเพิ่มขึ้น รวมถึงการปรับหน่วยธุรกิจภายในจาก in-house production เป็น Content Provider ด้วยการจับมือกับพันธมิตรใหม่ทั้งไทยและต่างประเทศในการผลิตรายการ การบริหารกิจกรรมพิเศษ(Event & Organizer) ซึ่งไนน์เอ็นเตอร์เทน ได้สร้างปรากฎการณ์ด้วยการจับมือผลิตรายการบันเทิง "วันเอ็นเตอร์เทน" ให้กับสถานีโทรทัศน์ช่องวันสามสิบเอ็ด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สามารถสร้างรายได้ให้แก่องค์กร
สำหรับงบการเงินปี 61 มีรายได้รวมทั้งสิ้นจำนวน 2,562 ล้านบาท ลดลง 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายรวมของ อสมท ในปี 61 มีจำนวน 2,892 ล้านบาท ลดลง 48% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 60 เนื่องจากในปีบริษัทบันทึกการด้อยค่าใบอนุญาตดิจิทัล อุปกรณ์โครงข่าย และสิ่งอำนวยความสะดวก จำนวน 2,087 ล้านบาท ซึ่งหากไม่รวมค่าใช้จ่ายดังกล่าว ค่าใช้จ่ายรวมในปี 61 ยังคงต่ำกว่าค่าใช้จ่ายกรณีไม่รวมการบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์ฯ ของปี 60 คิดเป็น 17% ทำให้ อสมท มีผลการดำเนินงานปี 61 ขาดทุนสุทธิ 378 ล้านบาทซึ่งมีอัตราขาดทุนลดลงจากปีก่อนถึง 85%
ในปี 61 ธุรกิจโทรทัศน์ และ ธุรกิจวิทยุ ยังคงเป็นธุรกิจหลักที่สามารถสร้างรายได้ให้ อสมท มากที่สุด ด้วย 30% และ 29% ตามลำดับ โครงสร้างธุรกิจร่วมดำเนินกิจการ (สัมปทาน) 17% รายได้จากการให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิตอล (BNO) 17% ธุรกิจสื่อใหม่ (สื่อออนไลน์ต่าง ๆ ของ อสมท และโทรทัศน์ดาวเทียม MCOT Satellite Network) 4% รายได้อื่นๆ 3%
สำหรับช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30 ในเดือน มี.ค.นี้จะเห็นการเปลี่ยนของผังรายการใหม่นับเป็นครั้งแรกที่ได้นำรายการระดับพรีเมียมจาก BBC First และ Discovery Science มาออกอากาศ อาทิ Luther นักสืบพันธุ์ดุ,Race to Escape รหัสลับ รหัสรอด, CryWolf ไขปริศนาซ่อนเงื่อน สร้างจากคดีจริง พร้อมเตรียมปรับ Positioning ผังรายการของช่อง 14 MCOT Family ที่มุ่งให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้ชม ที่เป็นครอบครัวและผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น โดยนำเสนอรายการรูปแบบใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการและเป็นที่สนใจของผู้สูงอายุ รวมทั้งสามารถเชื่อมโยงให้เกิดกิจกรรมระหว่างครอบครัวได้
ธุรกิจวิทยุ มีรายได้จำนวน 741 ล้านบาท รายได้ลดลงจากปี 60 เพียงเล็กน้อย โดยรายได้หลักมาจากรายได้การขายโฆษณาจากวิทยุในส่วนกลางทั้ง 6 คลื่น สำหรับคลื่นวิทยุที่มีผลงานโดดเด่น มีอัตราการเติบโตของรายได้สูงสุดในปี 2561 ได้แก่ MET 107 MHz ซึ่งมีอัตราเติบโต 43% เมื่อเทียบกับปี 2560 แต่คลื่นที่สร้างรายได้สูงสุด ได้แก่ คลื่นลูกทุ่งมหานคร FM 95 MHz ตามด้วย MET 107 MHz, คลื่น FM 100.5 MHz News Network, คลื่นความคิด FM 96.5 MHz, Active radio FM 99 MHz และ Mellow 97.5 MHz ตามลำดับ คลื่นลูกทุ่งมหานคร FM 95 MHz ยังครองความนิยมอันดับหนึ่งของเพลงลูกทุ่งอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี ส่วนคลื่นอื่นๆ ยังคงติดอันดับความนิยมในลำดับต้นๆ ของแต่ละ Segment