นายภูวสิษฏ์ วงษ์เจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพีแอล กรุ๊ป (CPL) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจฟอกหนังในปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 50% ธุรกิจผลิตและจำหน่ายหนังสำเร็จรูปคาดว่าจะเติบโตประมาณ 10% และธุรกิจเซฟตี้ โปรดักส์ ที่จะส่งสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามารุกตลาดมากขึ้น โดยคาดว่าจะเติบโต 15% ซึ่งจะทำให้เป้าหมายการเติบโตของ CPL โดยรวมในปีนี้เพิ่มขึ้นประมาณ 15% โดยในปี 62 ยังคงเป็นปีที่เน้นการลงทุน ซึ่งจะเน้นไปที่การปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงเครื่องจักรใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อรองรับกำลังการผลิตและคำสั่งซื้อในอนาคต
ส่วนผลการดำเนินงานปี 61 บริษัทมีกำไรสุทธิ 12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิ 103 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุน 4 ประการ ประกอบด้วย ยอดขายหนังสำเร็จรูปเพิ่มสูงขึ้น การฟอกหนังเต็มกำลังการผลิต ยอดขายที่เพิ่มขึ้นของรองเท้านิรภัยและอุปกรณ์นิรภัย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ในส่วนของแบรนด์แพงโกลิน และบริษัทฯ ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรในบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น
"ปี 61 เป็นปีที่ไม่ดีนักสำหรับอุตสาหกรรมฟอกหนังโดยรวม แต่เนื่องจากเราคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าได้อย่างค่อนข้างแม่นยำ และเตรียมรับมือกับการชะลอตัวของอุตสาหกรรมไว้แล้ว ทำให้เราสามารถพลิกผลการดำเนินงานจากที่เคยขาดทุนให้กลับมามีกำไรได้อีกครั้ง โดยเฉพาะการพัฒนาคุณภาพการผลิต ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงเครื่องจักร ทำให้บริษัทฯ สามารถขยายกำลังการผลิตในส่วนงานผลิตหนังสำเร็จรูป เพิ่มขึ้นจากระดับสูงสุดเฉลี่ย 1.8 ล้านตารางฟุต เป็นเฉลี่ย 2.1 ล้านตารางฟุต และ ปรับปรุงประสิทธิภาพในการส่งมอบสินค้า รวมถึงการเสริมทีมการตลาดให้แข็งแกร่งขึ้น ทำให้รายได้จากการผลิตและจำหน่ายหนังสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นจาก 1,556 ล้านบาทในปีก่อน มาอยู่ที่ 1,971 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 415 ล้านบาท คิดเป็น 26.67%" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CPL กล่าว
เช่นเดียวกับธุรกิจฟอกหนังที่บริษัทฯ ได้ลงทุนเพิ่มเครื่องจักรขยายกำลังการผลิต ตั้งแต่ไตรมาส 2/61 จนถึงปัจจุบัน ทำให้สามารถฟอกหนังวัวและหนังหมูได้ตามกำลังผลิตที่คาดการณ์ไว้ โดยบริษัทมีรายได้จากการฟอกหนัง 271 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 163 ล้านบาทจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 108 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 150.92%
ส่วนธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคลหรือเซฟตี้ โปรดักส์ ภายใต้แบรนด์ "แพงโกลิน" ในปีที่ผ่านมา มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 630 ล้านบาทในปีก่อน มาอยู่ที่ 698 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา คิดเป็นเพิ่มขึ้น 68 ล้านบาท หรือ 10.80% โดยนอกจากยอดขายรองเท้านิรภัยและอุปกรณ์ป้องกันภัยเพิ่มสูงขึ้นแล้ว บริษัทยังมีรายได้จากการให้เช่าอุปกรณ์นิรภัยเพิ่มขึ้นอีกช่องทางหนึ่งด้วย