นายวงศกร พิเศษสิทธิ์ นักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.คิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ไอ. (K) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าปี 62 ยอดขายจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนราว 2.1 พันล้านบาท
ดังนั้น บริษัทจะเน้นการบริหารในส่วนของกำไรให้ดีขึ้นเป็นกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว โดยตั้งเป้าทำอัตรากำไรสุทธิให้กลับไปอยู่ที่ระดับ 5-7% ภายใน 3-5 ปี จากปีก่อนทำได้ 2.91% จากแผนการปรับพอร์ตการเลือกรับงานเฉพาะโครงการที่มีความสามารถในการทำกำไรดี ซึ่งจะคัดจากอัตรากำไรขั้นต้นและลักษณะงานที่มีประสบการณ์ ซึ่งที่ผ่านมา 2-3 ไตรมาสทำให้มั่นใจว่าบริษัทสามารถทำได้ในระดับหนึ่ง
พร้อมกันนี้บริษัทจะมีการบริหารต้นทุนภายในองค์กรให้ดีขึ้นจากการพัฒนาบุคคลากรให้มีศักยภาพ และมีแผนเพิ่มจำนวนบุคคลากรสำหรับการรองรับงานโครงการใหญ่ ๆ
ขณะเดียวกัน บริษัทเตรียมเข้าประมูลงาน 585.3 ล้านบาท คาดว่าจะชนะการประมูลราว 10-15% ของมูลค่างานทั้งหมด จากปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (backlog) ที่ 529.4 ล้านบาท แบ่งเป็นงานจัดแสดงสินค้า 47% งานอีเว้นท์ 8% โครงการตกแต่งภายในโรงเรียนและโรงแรมรวม 23% งานโรงแรม 8% พื้นที่สาธารณะ 7% งานสาขาร้านแบรนด์เนม 4% และงานตกแต่งสำนักงาน 3% ซึ่งคาดว่าสามารถทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ราว 90-95% ของมูลค่า backlog
สำหรับสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ ยอมรับว่าอาจส่งผลกระทบต่อความต่อเนื่องของงานได้ เช่น การชะลองานของลูกค้า แต่ปัจจุบันยังไม่พบปัญหา เนื่องจากงานต่าง ๆ มีการรับรู้เป็นรายได้ประจำ (recurring) อย่างไรก็ดีคาดว่าหลังจากประเด็นการเมืองถได้ข้อสรุปในการเลือกตั้งเดือน มี.ค.62 หลังจากนั้นเชื่อว่าภาพรวมการดำเนินธุรกิจจะปรับตัวดีขึ้น
ส่วนการขยายธุรกิจไปยังกัมพูชา บริษัทได้มีการเข้าไปตั้งสำนักงานในช่วงปีก่อน ซึ่งปัจจุบันได้รับงานแล้วแต่ยังไม่สามารถทำกำไรได้ เนื่องจากช่วงแรกเป็นช่วงของการลงทุน อีกทั้งยังต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งในการสร้างฐานลูกค้าและพันธมิตร ขณะที่การขยายธุรกิจไปยังเมียนมา มองว่าเป็นตลาดที่ค่อนข้างยาก ซึ่งต้องรอสภาวะตลาดกลับสู่ระดับปกติจากการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติก่อน