นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวว่า ผลกระทบจากปัญหาซับไพร์มทำให้ตลาดหุ้นซบเซาไปบ้าง โดยเฉพาะการขายหุ้น IPO อาจจะชะงักไปเพื่อรอภาวะตลาดรวมดีขึ้นก่อน ซึ่งบริษัทที่มีแผนขายหุ้น IPO จึงควรใช้โอกาสช่วงนี้ในการเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ และเมื่อโอกาสเปิดก็จะได้สามารถจำหน่ายหุ้นได้ทันที
ทั้งงนี้ เป้าหมายในปีนี้ ตลท.คาดว่าจะมีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ 37 ราย เป็นการเข้าจดทะเบียนในตลาด SET 25 บริษัท และตลาด mai 12 บริษัท ซึ่งยอมรับว่ากังวลว่าอาจจะไปกระจุกตัวในช่วงหลังของปี ส่วนวอลุ่มการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 2.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท สูงขึ้นจากปลายปีก่อนที่อยู่ในระดับ 1.7 หมื่นล้านบาท
แต่ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยยังอยู่ในเกณ์ที่ดี ก็น่าจะช่วยรองรับความผันผวนได้ดีกว่าประเทศอื่น โดยเห็นแนวโน้มการปรับตัวที่ดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/50 ทั้งการบริโภคขยับขึ้น การลงทุนดี ส่งออกยังขยายตัวได้ดี แม้ว่าการส่งออกไปสหรัฐลดน้อยลง แต่มีการขยายตลาดที่อื่นมาทดแทน
"ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐที่ดีจะช่วยลดปัญหาความผันผวนของตลาดหุ้น หากตลาดอื่นลงแล้วเรายังทรงตัวอยู่ได้ ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากแล้ว เพราะปัจจัยภายนอกประเมินยากและควบคุมไม่ได้"นางภัทรียา กล่าว
ปัจจัยภายนอก นอกเหนือจากปัญหาซับไพร์ม ก็ยังมีปัญหาอื่น ๆ ที่เป็นผลกระทบจากซับไพร์ม ที่แม้จะไม่มีผลโดยตรงต่อตลาดหุ้นไทย แต่มีผลด้านจิตวิทยาการลงทุน เช่นกรณีล่าสุดปัญหาธนาคารโซซิเอเต้ เจอเนอราล (ซอคเจน)ของฝรั่งเศส ที่เกิดผลขาดทุนจากการลงทุนในซับไพร์ม และปัญหาฉ้อโกงภายใน
นางภัทรียา กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ที่จะรับตำแหน่งรมว.คลัง คนใหม่นั้น จะเป็นใครก็ได้เพราะเชื่อว่าทุกคนมีความสามารถ แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่วิธีคิดและการจัดการกับปัญหามากกว่า แต่ก็อยากได้คนที่ว่องไว เห็นปัญหาและแก้ไขได้เร็ว ไม่ยืดเยื้อ
--อินโฟเควสท์ โดย ตลฦ2/ศศิธร/เสาวลักษณ์ โทร.0-2253-5050 ต่อ 353 อีเมล์: saowalak@infoquest.co.th--