นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้น่าจะฟื้นตัวขึ้น จากความคาดหวังเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ที่มีความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นหลังมีรายงานข่าวว่าสหรัฐฯกำลังจัดเตรียมร่างข้อตกลงการค้าสำหรับการลงนามของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา และเช้านี้ตลาดหุ้นภูมิภาคก็ตอบรับในเชิงบวก
ส่วนปัจจัยในประเทศในเรื่องการประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/61 ของบจ.นั้น แม้ส่วนใหญ่จะออกมาไม่ดี โดยลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของไตรมาสก่อนและช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากรายการพิเศษค่อนข้างมาก แต่การที่บจ.ทยอยประกาศจ่ายเงินปันผลออกมา ซึ่งในปีนี้มีบจ.คิดเป็นสัดส่วน 34% ที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (dividend yield) ในระดับที่มากกว่า 3% สูงกว่าปีที่แล้วที่มีบจ.เพียง 27% ที่จ่ายปันผลที่ให้ dividend yield มากกว่า 3% ซึ่งก็จะเป็นปัจจัยที่ประคองตลาดได้
อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้อาจจะอยู่ในกรอบจำกัด เนื่องจากในช่วงสัปดาห์นี้หุ้นขนาดใหญ่หลายตัวที่ขึ้นเครื่องหมาย XD อย่างหุ้น PTT ที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 6 มี.ค. นี้ ซึ่งก็จะกดดันต่อการปรับขึ้นของดัชนี ขณะที่ราคาน้ำมันแม้จะปรับตัวขึ้น ๆ ลง ๆ ในช่วงนี้ แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อน ก็น่าจะยังเป็นผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีที่คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/62 ที่จะน่าจะฟื้นตัวขึ้นได้
ส่วนแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่ออกมาเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่ MSCI ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้น A-Share ของจีนจาก 5% เป็น 20% ทำให้มีการปรับพอร์ตการลงทุน ขณะที่ตลาดยังรอลุ้นการประกาศผลการพิจารณาของ MSCI ว่าจะมีการนำข้อมูล NVDR เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเกณฑ์การคัดเลือกหรือไม่ ซึ่งคาดว่าจะประกาศผลออกมาภายในช่วงปลายเดือนมี.ค. ซึ่งหากมีการบังคับใช้เกณฑ์ดังกล่าวจะเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้นไทย เพราะจะทำให้น้ำหนักของหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น
พร้อมมองแนวรับบริเวณ 1,640 จุด และ 1,630-1,632 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,650-1,652 จุด และ 1660 จุด