นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล. เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST มองทิศทางตลาดหุ้นไทยว่า ในสัปดาห์นี้ (4-8 มี.ค.) แกว่งตัวในกรอบ 1,620-1,680 จุด มีปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนรอติดตามกันคือ การที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการตัดสินเรื่องยุบพรรคไทยรักษาชาติ ในวันที่ 7 มี.ค. โดย KTBST ประเมินในเบื้องต้นว่า ตลาดได้รับรู้ข่าวไปบ้างในระดับหนึ่งแล้ว ผลการตัดสินที่ออกมาจึงคาดว่าไม่น่าจะทำให้ตลาดปรับตัวลงไปมากนัก แต่เนื่องจากเป็นช่วงของการหาเสียงและเลือกตั้งอาจมีผลทำให้นักลงทุนจะชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์
ขณะเดียวกันการอ่อนตัวลงของตลาดหุ้นและเงินสกุลในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ รวมถึงเงินบาทของไทย (ปิดวันศุกร์อยู่ที่ 31.8 บาท/ดอลลาร์) ที่คาดว่ามาจากหลายปัจจัย ทั้งเรื่องผลกระทบของการเจรจาทางการค้าของสหรัฐฯกับจีน ที่ยังไม่มีการลงนามข้อตกลงซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงกลางเดือนมี.ค.นี้ ส่งผลให้ในช่วงนี้นักลงทุนจึงชะลอการลงทุนเพื่อเลี่ยงความเสี่ยง
ส่วนอีกปัจจัยคือการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ที่กำไรไตรมาส 4/61 ภาพรวมออกมาไม่ดีนัก โดยผลกำไรอยู่ที่ 1.61 แสนล้านบาท ลดลง 35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 39% จากไตรมาสก่อน ขณะที่ระดับค่า P/E ของตลาดอยู่ที่ 17.6 เท่า ทำให้แนวโน้มที่ตลาดหุ้นจะเดินหน้าต่อไปนั้นค่อนข้างยากขึ้น ยกเว้นจะได้แรงหนุนจากผลการเลือกตั้งที่ออกมาในเชิงมีเสถียรภาพและบริหารได้ราบรื่น ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนตลาดได้
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ เนื่องด้วยแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศและการปรับตัวลงของตลาดเกิดใหม่รวมถึงผลตัดสินคดียุบพรรคที่ยังไม่ชัดเจนนัก ดังนั้น หากดัชนี SET Index ไม่หลุดแนวรับสำคัญที่ระดับ 1,620 จุด KTBST ยังแนะนำให้ "ถือ" ต่อไป แต่หากดัชนีปรับตัวต่ำกว่าระดับดังกล่าว แนะนำให้ลดการถือหุ้นที่เคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดลงบางส่วน
ขณะที่คำแนะนำในเชิงกลยุทธ์ ให้นักลงทุนเน้นลงทุนในหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ รวมไปถึงหุ้นที่มีโอกาสดีดตัวขึ้นหากการเจรจาการค้าของสหรัฐฯกับจีน ประกาศผลสำเร็จ หุ้นแนะนำได้แก่ EA, GULF, IVL, VNT