นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร กรรมการผู้จัดการ บมจ.บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส (BGC) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อกิจการ หรือร่วมทุน (M&A) ในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับบรรจุภัณฑ์แก้วในประเทศ ซึ่งได้มีการเจรจาอยู่ทั้งหมด 3 ราย โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 62 อย่างน้อย 1 ราย โดยที่การลงทุนซื้อกิจการหรือร่วมทุนนั้นจะไม่รวมอยู่ในงบลงทุนของปีนี้ที่ตั้งไว้ 400 ล้านบาท เพื่อใช้พัฒนาเทคโนโลยีด้านการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะในเรื่องการลดการใช้พลังงานที่ช่วยลดต้นทุนได้ถึง 3-4% จากต้นทุนรวม
ขณะที่การผลักดันสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 20% ในปี 66 จากปีนี้ที่ตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 10% จากปีก่อนที่ 7% โดยบริษัทยังคงเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากฐานลูกค้าเดิม และการสร้างฐานลูกค้าใหม่ ในประเทศประเทศเมียนมา เวียดนาม อินเดีย ออสเตรเลีย และสเปน
โดยเฉพาะเวียดนาม ที่บริษัทมองว่ายังมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมาก เพราะมีจำนวนประชากรกว่า 100 ล้านคน ที่ส่วนใหญ่เป็นวัยทำงานและมีความสามารถ ทำให้มีความต้องการใช้แก้วสูง และเวียดนามมีโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์แก้วเพียง 2 แห่ง และช่องทางการขนส่งผลิตภัณฑ์ไปยังประเทศเวียดนามค่อนข้างง่าย พร้อมทั้งบริษัทได้เข้าไปเปิดตลาดในประเทศอินเดีย ซึ่งมีออร์เดอร์เข้ามาแล้วราว 100 ล้านบาท/ปี และประเทศอินเดียมีประชากรมากกว่า 1 พันล้านคน ทำให้บริษัทมองแผนที่จะขยายตลาดเพิ่มเติมอีกในอนาคต ส่วนออสเตรเลียจะขยายตลาดที่เป็นการส่งออกเบียร์ และไวน์
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 62 เติบโต 10% จากปีก่อนที่ 1.04 หมื่นล้านบาท โดยมีปัจจัยหนุนมาจากการรับรู้รายได้จากโรงงานราชบุรีกล๊าส อินดัสทรี ขนาดกำลังการผลิต 400 ตันต่อวันเข้ามาเต็มปี ซึ่งบริษัทมีออร์เดอร์รองรับจนถึงสิ้นปี 62 แล้ว โดยปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตทั้งหมด 3,495 ตันต่อวัน จากโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วทั้ง 5 แห่ง 11 เตาหลอม 35 ไลน์การผลิตในประเทศไทย และมีอัตราการใช้ที่ 90%
พร้อมกับวางกลยุทธ์ในปีนี้จะเน้นผลิตบรรจุภัณฑ์ให้กับกลุ่มลูกค้ากลุ่มอาหาร เช่น รังนก ซุปไก่สกัด และแยม เพราะเป็นกลุ่มลูกค้าที่ให้มาร์จิ้นในระดับที่ดี และจะเน้นผลิตสินค้าส่งออกที่มีมาร์จิ้นสูงให้มากขึ้น เพื่อทำให้บริษัทได้รับผลตอบแทนที่ดี