นายทักษิณ ตันติไพจิตร กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง (FTE) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าประมูลงานติดตั้งระบบดับเพลิงมูลค่ารวม 200-300 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานติดตั้งระบบดับเพลิงของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งเป็นงานที่มีมูลค่ามากที่สุด โดยคาดว่างานทั้งหมดที่บริษัทได้ยื่นประมูลไปจะทยอยประกาศผลในช่วง 6 เดือนนี้ ซึ่งบริษัทมีความมั่นใจว่าจะสามารถคว้างานมาได้
โดยในช่วงไตรมาส 1/62 บริษัทได้เข้าไปรับงานติดตั้งระบบดับเพลิงแล้ว ซึ่งเป็นงานใหม่ มูลค่า 130 ล้านบาท แบ่งเป็น งานของกฟผ. 1-2 โครงการ มูลค่า 30 ล้านบาท และงานจากโครงการอื่น ๆ รวม 100 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 420 ล้านบาท โดยที่จะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ 80% และอีก 20% จะทยอยรับรู้ในปี 63 ซึ่งในไตรมาส 1/62 คาดว่าจะมีการรับรู้รายได้จาก Backlog เข้ามาราว 150 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้รายได้ในไตรมาส 1/62 เป็นไปตามการคาดการณ์ที่ระดับ 230-300 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มในช่วงไตรมาส 2/62 บริษัทยังคงเดินหน้าเสนองานอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นที่จะขยายส่วนแบ่งการตลาดจากกลุ่มลูกค้ารายสำคัญ และเจาะกลุ่มลูกค้าภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น เนื่องจากมีแนวโน้มอัตราการเติบโตสูง จากการขยายตัวตามนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและปิโตรเคมี อีกทั้งข้อกำหนดด้านกฏหมายที่มีความจำเป็นต้องติดตั้งระบบดับเพลิงที่ได้มาตรฐาน และกลุ่มลูกค้าดังกล่าวสามารถรับรู้รายได้ภายใน 6 เดือน เร็วกว่ากลุ่มลูกค้าอสังหาริมทรัพย์ที่รับรู้รายได้ภายใน 12 เดือน
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงรับงานของกลุ่มลูกค้าอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อการป้องกันความเสี่ยงจากความล่าช้าโครงการภาครัฐ โดยที่ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ที่มาจากงานภาครัฐอยู่ที่ 20% และสัดส่วนรายได้ที่มาจากงานอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 30-40% และจากแผนการดำเนินงานดังกล่าวบริษัทคาดว่าจะช่วยผลักดันรายได้ในปีนี้ให้เติบโตตามเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 10% หรือมาอยู่ที่ 1.13 พันล้านบาท พร้อมรักษาอัตรากำไรสุทธิที่ 12-13%
ด้านการลงทุนในปี 62 บริษัทจะใช้เงินลงทุน 190 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่มาจากการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) เพื่อนำมาใช้ซื้อที่ดินและก่อสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ หลังจากที่ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมโอนที่ดินย่านลาดกระบัง พื้นที่ 9 ไร่ ซึ่งจะใช้มาสร้างคลังสินค้า โดยหลังจากการโอนที่ดินแล้วเสร็จจะเริ่มก่อสร้างทันที ใช้ระยะเวลาการก่อสร้าง 12 เดือน หรือแล้วเสร็จในต้นปี 63 โดยคลังสินค้าแห่งใหม่นี้จะมาทดแทนคลังสินค้าเดิมที่บริษัทเช่าอยู่พื้นที่ 2,500 ตารางเมตร จะช่วยให้ประหยัดค่าเช่าลงไป 3 ล้านบาท/ปี และช่วยต่อการบริหารจัดการคลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น