ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,625.51 จุด ลดลง 13.49 จุด (-0.82%) มูลค่าการซื้อขาย 44,300.72 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวส่วนใหญ่ในแดนลบ โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,639.42 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,624.68 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 489 หลักทรัพย์ ลดลง 855 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 385 หลักทรัพย์
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยวันนี้ค่อนข้าง Underperform ตลาดภูมิภาค หลังจากไม่มีปัจจัยใหม่จากภายนอกที่ต่างยังรอดูพัฒนาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ว่าจะมีความชัดเจนที่เป็นรูปธรรมหรือไม่ในช่วงสิ้นเดือนมี.ค.นี้ และรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.ของสหรัฐ ที่จะออกมาในคืนวันศุกร์นี้ เพราะอาจจะมีผลต่อการพิจารณานโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีการประชุมในเดือนมี.ค.นี้
ทั้งนี้ ยังคงมีเพียงปัจจัยในประเทศที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุน หลังจากที่โบรกเกอร์หลายแห่งได้ทยอยปรับลดคาดการณ์กำไรของบจ.ในปีนี้ ขณะที่ Valuation ของหุ้นปรับตัวสูงขึ้นมามาก ทำให้ P/E สูงขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้การปรับขึ้นของดัชนีในช่วงก่อนหน้านี้มีความเปราะบางมากขึ้น ก็จะทำให้เห็นภาพของการปรับลดลงของดัชนีในช่วงนี้
นอกจากนี้ตลาดยังรอดูสถานการณ์การเมืองที่ในวันพรุ่งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดียุบพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่สร้างความผันผวนให้กับตลาดทำให้มีแรงขายออกมาในระยะสั้น ประกอบกับการลงทุนของต่างชาติก็ชะลอตัวลงทั้งตลาดทุน ตลาดตราสารหนี้ และตลาดฟิวเจอร์ส สะท้อนจากตั้งแต่ต้นเดือนจนถึงปัจจุบัน เงินบาทนับเป็นสกุลที่อ่อนค่ามากสุดเป็นอันดับ 1 ในเอเชีย
อย่างไรก็ตามมองว่าตลาดหุ้นไทยจะกลับมามีความน่าสนใจมากขึ้น เมื่อดัชนีปรับลดลงจนทำให้ Valuation สมดุลกับคาดการณ์กำไรบจ.ที่ลดลง ซึ่งทรีนีตี้มองไว้ที่บริเวณ 1,600 จุดในเดือนมี.ค. โดยหากดัชนีปรับลดลงมาใกล้บริเวณ 1,620 จุด ก็น่าจะที่จะเริ่มเพิ่มน้ำหนักลงทุนในหุ้นได้
ส่วนแนวโน้มการซื้อขายวันพรุ่งนี้ คาดว่าดัชนีน่าจะยังคงแกว่งตัวกรอบแคบด้วยวอลุ่มที่ไม่มากนัก ส่วนหนึ่งคาดว่าอาจมาจากนักลงทุนต่างชาติที่ยังไม่กลับเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย ซึ่งอาจจะรอจนถึงมีผลการเลือกตั้งออกมาว่ารัฐบาลจะมีเสถียรภาพมากน้อยเพียงใด ขณะที่ตลาดยังรอดูการพิจารณาคดียุบพรรคของศาลรัฐธรรมนูญในวันพรุ่งนี้ด้วย ซึ่งหากมีการยุบพรรคตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ก็ไม่สร้างความประหลาดใจให้ตลาด อีกทั้งตลาดปรับตัวลงมากแล้วในวันนี้ทำให้อาจเริ่มชะลอการปรับลดลงได้ โดยมองกรอบแนวรับที่ 1,620 และ 1,600 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,640 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,886.22 ล้านบาท ปิดที่ 47.50 บาท ลดลง 1.25 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,717.21 ล้านบาท ปิดที่ 189.50 บาท ลดลง 4.00 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,692.62 ล้านบาท ปิดที่ 67.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,688.22 ล้านบาท ปิดที่ 76.50 บาท ลดลง 1.00 บาท
PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,535.11 ล้านบาท ปิดที่ 68.50 บาท ลดลง 0.50 บาท