บมจ.สามารถ คอร์ปอเรชั่น(SAMART)คาดในปี 51 จะทำรายได้ 3 หมื่นล้านบาท เติบโต 40-50%จากปี 50 และตั้งเป้าทำรายได้แตะ 4 หมื่นล้านบาทในปี 53 โดยในปีนี้การขยายตัสของรายได้จะมาจากยอดขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ และงานประมูลที่เข้ามามากกว่าปีก่อน รวมทั้ง การแสวงหาโอกาสเข้าสู่ธุรกิจใหม่ๆ ที่คุ้มต่อการลงทุนให้ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความพร้อมต่างๆ ของบริษัทฯ
ในไตรมาส 4/50 คาดจะมีรายได้ 4.6 พันล้านบาท
"ปีนี้แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะยังไม่ค่อยสดใสนัก แต่กลุ่ม SAMART ยังมั่นใจว่าเติบโตต่อเนื่อง เพราะตลาด(มือถือ)ยังมีดีมานด์ และจะเน้นตลาดที่มีการแข่งขันต่ำ โอกาสเติบโตสูง และเราก็จะเน้นไปตลาดต่างประเทศด้วย"นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ SAMARTกล่าว
นายวัฒน์ชัย คาดว่า ในปีนี้รายได้ของบริษัทในเครือจะมีการเติบโตขึ้นทุกบริษัท โดยบมจ.สามารถ ไอ-โมบาย (SIM)จะมีรายได้ 2.1 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปี 50 ราว 40% โดยตั้งเป้ามียอดขายเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ 5 ล้านเครื่อง แบ่งเป็นยอดขายในประเทศ 3 ล้านเครื่อง และ 2 ล้านเครื่องในตลาดต่างประเทศ พร้อมเปิดตัวรุ่นใหม่ 19 รุ่น
ทั้งนี้ มองภาพรวมตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ปีนี้เพิ่มขึ้น 10 ล้านเครื่อง เชื่อว่า ธุรกิจจำหน่ายเครื่องมือถืยังคงเติบโตดี แม้จะมีคนมองว่าตลาดนี้อิ่มตัวแล้วก็ตาม โดยบริษัทจะสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ i-mobile ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งมีแผนจะนำโทรศัพท์ i-mobile มาผนึกการใช้งานกับ Content เพื่อให้ลูกค้า i-mobile สามารถใช้ Content ได้สะดวกและหลากหลายขึ้น
ปี 51 จะรุกตลาดต่างประเทศของ i-mobile อย่างจริงจัง จะเริ่มเข้าไปเจาะในตลาดใหม่ๆ ในประเทศแถบตะวันออกกลาง, เอเชียกลางหรือกลุ่มประเทศโซเวียตเดิม และประเทศออสเตรเลียเพิ่มขึ้น ทำให้มั่นใจว่า i-mobile จะขึ้นเป็นอันดับ 1 ASEAN Phone ในตลาดต่างประเทศได้
และเตรียมดึงพันธมิตรใหม่ร่วมธุรกิจคอนเท้นท์ในด้านเอนเตอร์เทนเมนท์กับ SIM และ BUG1113 ระหว่างนี้เจรจากับพันธมิตร 2-3 ราย คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ เพื่อทำธุรกิจคอนเท้นท์ครบบวงจร และสร้างฐานลูกค้าใหม่ให้กับ SIM
ส่วนธุรกิจร้านรีเทลช้อปในเวียดนาม ขณะนี้ อยู่ระหว่งการเจรจาพันธมิตรต่างประเทศ เพื่อดำเนินกิจการร่วมกัน
นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า สำหรับ บมจ.สามารถเทลคอม(SAMTEL)คาดว่าปีนี้จะทำรายได้ 5 พันล้านบาท เติบโตกว่า 100% จากปี 50 จากบริษัทเข้าร่วมงานประมูลกว่า 1 หมื่นล้านบาทจะทำให้มีงานเพิ่มขึ้น เน้นตลาดภาคเอกชนมากขึ้น เพราะมีการขยายตัวถึง 8.9-9.0% มากกว่าภาครัฐที่มีเพียง 5.6-6.6% และมองธุรกิจที่มีสัญญาและสร้างรายได้ให้บริษัทในระยะยาว
"ในปี 51 ภาพของสามารถจะเปลี่ยนแปลงไปทั้งกลุ่ม โดยจะรุกหนักด้านการตลาดมากขึ้น และจะนับเป็นจุดเริ่มต้นที่จะเห็นภาพในระยะยาวมากขึ้น มีรายได้สม่ำเสมอในระยะยาว เพื่อหล่อเลี้ยงองค์กรได้อย่างราบรื่น ขณะเดียวกันบริษัทฯ เตรียมพร้อมด้านบุคคลากรรุ่นใหม่ เพื่อพร้อมในการบริหารงานในธุรกิจใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นอย่างมืออาชีพ"นายวัฒน์ชัย กล่าว
*นำ"วันทูวัน"ใน H2/51
นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า บริษัทมีแผนนำบริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด ประกอบธุรกิจให้บริการ Call Center ซึ่งถือหุ้น 99.02% เข้าตลาดหุ้น mai ในครึ่งหลังของปี 51 เพราะมองตลาดหุ้นในครึ่งปีแรกผันผวน ไม่ใช่จังหวะที่ดี ทั้งนี้ ตั้งเป้าปี 51 รายได้ที่ 4,000 ล้านบาท
ส่วนของบริษัท แคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิก เซอร์วิสเซส จำกัด(CATS)ซึ่ง SAMART ถือหุ้น 90% จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นกัมพูชาภายในปี 52 ถ้าปีหน้าตลาดหุ้นกัมพูชาเปิด เพื่อต้องการระดมทุนไปขยายธุรกิจ และเชื่อว่า CATS จะเป็นบริษัทน่าสนใจของนักลงทุนในกัมพูชา เทียบกับเข้าตลาดหุ้นไทยอาจเป็นเพียงบริษัทเล็ก และอาจจะไม่น่าสนใจเท่าไรนัก แต่หากไม่ได้เช้าตลาดหุ้นที่กัมพูชาและมีผู้สนใจเข้าลงทุน ซึ่งเสนอราคาที่ดี บริษัทก็พร้อมจะเขายหุ้นไม่เกินสัดส่วน 25%
ปีที่ผ่านมารายได้ CATS เพิ่มสูงขึ้นถึง 15.6% คิดเป็นรายได้ 20.6 ล้านเหรียญสหรัฐ และยังได้รับการต่ออายุสัมปทานออกไปอีก 10 ปีรวมระยะเวลาสัมปทานที่เหลือทั้งสิ้นถึง 27 ปี รวมทั้งบริษัท กัมปอต เพาเวอร์แพลนท์ จำกัด ที่ได้ฤกษ์ผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่โรงงานกัมปอตซีเมนต์ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยมีอายุสัญญา 10 ปี
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/เสาวลักษณ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--