นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้น่าจะแกว่งตัวผันผวน โดยเปิดตลาดในแดนลบ ระหว่างรอคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญต่อคดียุบพรรคไทยรักษาชาติที่จะมีขึ้นในช่วงบ่าย ซึ่งหากมีคำตัดสินออกมาก็จะทำให้ภาพการเมืองไทยมีความชัดเจนมากขึ้น อาจจะส่งผลดีต่อภาพรวมการลงทุนได้
ขณะเดียวกันตลาดน่าจะยังมีการปรับพอร์ตของนักลงทุนต่อเนื่อง จากการที่โบรกเกอร์ทยอยปรับลดคาดการณ์กำไร บจ.ในปีนี้ หลังจากที่ประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/61 ออกมาไม่สดใส อีกทั้งการที่ MSCI ประกาศเพิ่มน้ำหนักหุ้นจีนก็น่าจะยังทำให้นักลงทุนต่างชาติยังปรับพอร์ตการลงทุนอยู่ โดยคาดว่าน่าจะยังมีแรงขายปรับพอร์ตของนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีกราว 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม การที่ราคาหุ้นอ่อนตัวลงมาน่าจะเป็นจังหวะที่สามารถเข้าทยอยสะสมได้ เพื่อรอการฟื้นตัวจากปัจจัยบวกที่จะเข้ามาในช่วงเดือนนี้ทั้งการเลือกตั้งในประเทศที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 มี.ค.นี้ ,ความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ในวันที่ 27 มี.ค. รวมถึงในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดว่าจะมีการระบุถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่น่าจะยังไม่ปรับขึ้น และการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย ที่คาดว่าจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยเช่นเดียวกัน โดยการที่ธนาคารกลางยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยก็จะเป็นผลบวกต่อสภาพคล่องในตลาดด้วย
พร้อมมองแนวรับ 1,615 จุด และแนวต้านที่ 1,636 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (6 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,673.46 จุด ลดลง 133.17 จุด (-0.52%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,771.45 จุด ลดลง 18.20 จุด (-0.65%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,505.92 จุด ลดลง 70.44 จุด (-0.93%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 139.93 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 1.57 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 72.18 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 2.32 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 2.41 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 1.59 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 4.49 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 มี.ค.62) 1,625.51 จุด ลดลง 13.49 จุด (-0.82%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,610.16 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 มี.ค.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (6 มี.ค.62) ปิดที่ 56.22 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 34 เซนต์ หรือ 0.6%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 มี.ค.62) ที่ 4.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.86 แข็งค่าเล็กน้อยจากวานนี้หลังดอลล์อ่อน จับตาศาลรธน.ตัดสินคดียุบพรรคไทยรักษาชาติบ่ายนี้
- ตลาดหลักทรัพย์ หวังทุนนอกไหลเข้าเดือน มี.ค.หลัง MSCI จ่อเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยในการคำนวณดัชนีอีก 0.5% คาดประกาศผลปลายเดือนนี้ สวนทางกับดัชนีหุ้นไทยวานนี้ปิดร่วง 13 จุด นักลงทุนผวาปัจจัยการเมือง ส่วนต่างชาติยังขายต่อเนื่องวันที่แปดอีก 2.6 พันล้านบาท
- กกร.เตรียมระดมสมองจัดทำข้อเสนอแนะนโยบายด้านเศรษฐกิจเพื่อเสนอให้รัฐบาลใหม่ประกอบการบริหารประเทศ มอบเลขาฯ 3 องค์กรทั้ง ส.อ.ท. สภาหอฯ และสมาคมธนาคารไทย เร่งรวบรวมให้เสร็จภายใน พ.ค. นี้ ขณะที่ยังคงเป้าหมายจีดีพีโต 4.0-4.3% ส่งออก 5.0-7.0% สวนทางเศรษฐกิจโลกแนวโน้มชะลอตัว แต่เกาะติดค่าเงินบาท-สงครามการค้าก่อนปรับตัวเลขเศรษฐกิจใหม่เดือน เม.ย.นี้ รับกังวลบาทผันผวนเกินไป
- 3 สมาคมอสังหาฯ ชี้ตลาดแนวราบทั่วประเทศปี 62 มีโครงการใหม่พัฒนากว่า 120,000 ยูนิต เติบโตเพิ่มขึ้น 5% พร้อมย้ำลงทุนภาครัฐดันราคาที่ดินแนวรถไฟฟ้าขยับเพิ่ม ขณะที่สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรชี้มาตรการ LTV ดันยอดโอนไตรมาสแรกโตราว 2 แสนล้าน จับตาแบงก์แห่ล็อกผู้ซื้อเซ็นสัญญากู้ก่อนโอนจริง
- ผู้ว่าการ ธปท.ชำแหละ 10 ปี เศรษฐกิจไทยพบยัง "เหลื่อมล้ำสูงผลิตภาพต่ำ ลงทุนน้อย ด้อยภูมิต้านทาน" ครัวเรือนหนี้สูงธุรกิจปลาใหญ่ยังกินปลาเล็ก ขณะที่รัฐบาลยังแก้ปัญหาระยะสั้น เน้นประชานิยม ซึ่งอาจจะส่งผลสร้างภาระการคลังทำให้ต้องทำงบขาดดุลต่อเนื่อง 12 ปี แนะ 3 ด้าน เร่งแก้ปัญหา
- กบง.ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาและปรับปรุงนโยบายลอยตัวเอ็นจีวีให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะการชดเชยราคา เอ็นจีวีสำหรับรถขนส่งสาธารณะปัจจุบัน เตรียมหารือกระทรวงการคลัง ดึงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ช่วยลดภาระค่าครองชีพส่งตรงถึงผู้มีรายได้น้อยแทน หลัง ปตท.แบกภาระอุดหนุนราคาเฉลี่ยปีละ 1,900 ล้านบาท
- สศค.เตรียมเสนอ รมว.คลัง เลื่อนใช้ IFRS9 ที่จะใช้กับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFI) ออกไป 5 ปี หรือมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป จากเดิมที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 2563 หลังพบหลายแบงก์ยังขาดความพร้อม
*หุ้นเด่นวันนี้
- STEC (ทรีนีตี้) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 29.75 บาท หลังประกอบการ 4Q61 ดีกว่าคาด โดยรายได้ทำ All-time High จากยอดขายที่สูง ค่าใช้จ่ายด้าน SG&A กลับมาสูงขึ้นเล็กน้อย แสดงถึงนโยบายการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน พร้อมมี backlog ที่แข็งแรงที่ราว 1.09 แสนล้านบาท และมีโครงการใหม่ที่จะเข้าร่วมประมูลในปีนี้ ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ 1 แสนล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก 1 แสนล้านบาท รถไฟทางคู่เฟส 2 เกือบ 4 แสนล้านบาท ทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง 3 หมื่นล้านบาท และโครงการอัพเกรดโรงกลั่นไทยออยล์ (CFP) ที่จะใช้เงินลงทุนร่วม 3 แสนล้านบาท น่าจะได้จากโครงการราว 2.9 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินจะเป็นโครงการสำคัญที่หากชนะการประมูลอาจทำให้ backlog เพิ่มขึ้นได้อีกราว 80% ถ้าหากว่า BSR consortium พลิกกลับมาชนะประมูล
- EA (กรุงศรี) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 63 บาท โดยคาดคาดกำไรสุทธิ 1Q61 พุ่งทำ All time high ต่อเนื่องรับข่าวดีโรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหนุมาน 1 และ 8 กำลังการผลิตรวม 90MW เริ่ม COD ตั้งแต่ 25 ม.ค. นอกจากนี้ระยะสั้นยังได้ sentiment บวกจากภาครัฐออกมาตรการลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ EV car เป็น 0% เป็นเวลา 3 ปี
- BJC (เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 65 บาท คาดกำไรปีนี้เติบโตจากทุกกลุ่มธุรกิจ ยอดขายเพิ่มขึ้น 7-9% จากกำลังการผลิตขวดแก้วเพิ่มขึ้น การออกสินค้าอุปโภคบริโภคใหม่ๆ คำสั่งซื้อสินค้ากลุ่มเวชภัณฑ์เพิ่มขึ้น และ BigC ขยายสาขาต่อเนื่อง อัตรากำไรคาดจะเพิ่มขึ้นจากประสิทธิภาพการผลิตและการดำเนินงานสูงขึ้น รวมทั้งต้นทุนพลังงานและราคาวัตถุดิบลดลงขณะที่กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคยังคงมีแนวโน้มทำยอดขายเพิ่มขึ้นจากส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น และการเปิดตัวสินค้าใหม่ ส่วนยอดขายสินค้าเวชภัณฑ์และเทคนิค คาดว่าเติบโตได้เกิน 10% รวมทั้งได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า ทำให้สินค้านำเข้ามีต้นทุนลดลง