SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,627.52 จุด เพิ่มขึ้น 2.01 จุด (+0.12%) มูลค่าการซื้อขาย 15,571.91 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ เผยตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวกรอบแคบระหว่างรอคำวินิจฉัยคดียุบพรรคไทยรักษาชาติช่วงบ่ายวันนี้ แต่ยังมีแรงซื้อกลับเข้ามาบ้างจากก่อนหน้านี้ตอบรับความเสี่ยงไปบ้างแล้ว หากผลตัดสินออกมาในเชิงลบก็คาดตลาดคงปรับลดลงอีกไม่มาก แต่หากเป็นเชิงบวกดัชนีก็มีโอกาสขึ้นไปต่อได้ ภาพใหญ่การลงทุนยังมีปัจจัยบวกทั้งนโยบายการเงินโลกผ่อนคลาย และความชัดเจนของการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน รวมถึงการเลือกตั้งในประเทศ มองดัชนีช่วงบ่ายน่าจะยังแกว่งกรอบแคบต่อไป ให้แนวรับ 1,625 และ 1,610 จุด แนวต้าน 1,638 จุด
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,627.52 จุด เพิ่มขึ้น 2.01 จุด (+0.12%) มูลค่าการซื้อขาย 15,571.91 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,630.71 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,623.32 จุด
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบระหว่างรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคไทยรักษาชาติที่จะออกมาในช่วงบ่ายวันนี้ ขณะที่ตลาดตอบรับความเสี่ยงคดียุบพรรคไปพอสมควรในช่วง 2-3 วันก่อน ทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาในวันนี้ หลังเห็นว่าผลการตัดสินจะทำให้ภาพการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งหากผลออกมาในเชิงลบดัชนีคงไม่ผันผวนมากนัก และหากออกมาในเชิงบวกก็จะผลักดันให้ดัชนีฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ภาพการลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่ยังมีความผันผวนเป็นผลจากการที่นักลงทุนต่างชาติขายปรับพอร์ตหลังจากที่ MSCI ประกาศเพิ่มน้ำหนักหุ้นจีน และนักลงทุนยังไม่มั่นใจต่อทิศทางการเมืองต่อคดียุบพรรค รวมทั้งล่าสุดองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้า
แต่ภาพใหญ่ของการลงทุนยังคงได้รับอิทธิพลเชิงบวกจากนโยบายการเงินโลกที่มีความผ่อนคลาย ทำให้ยังคงมีสภาพคล่องในตลาด โดยมองตลาดหุ้นไทยจะดีขึ้นในช่วงจากนี้หรือในปลายเดือน มี.ค.นี้ที่จะมีปัจจัยเชิงบวกเข้ามา ทั้งการเลือกตั้งของไทยในวันที่ 24 มี.ค. ,ความคืบหน้าผลการเจรจาการค้าสหรัฐและจีนในวันที่ 27 มี.ค. และต้องติดตามกรณีการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่รัฐสภาอังกฤษจะมีการลงมติต่อข้อตกลง Brexit ในวันที่ 12 มี.ค.
นายกิจพณ คาดว่า แนวโน้มการซื้อขายช่วงบ่ายดัชนีน่าจะยังแกว่งตัวในกรอบแคบต่อไป ระหว่างรอคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ โดยมองแนวรับที่ 1,625 และ 1,610 จุด ซึ่งเป็นระดับที่น่าสนใจในการเข้าซื้อ และให้แนวต้านที่ระดับ 1,638 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 851.23 ล้านบาท ปิดที่ 47.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 600.21 ล้านบาท ปิดที่ 190.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 557.05 ล้านบาท ปิดที่ 76.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 501.11 ล้านบาท ปิดที่ 68.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
CPF มูลค่าการซื้อขาย 481.52 ล้านบาท ปิดที่ 25.25 บาท ลดลง 0.50 บาท