ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดิ่งลงเมื่อคืนนี้ (25 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกลับมามีท่าทีระมัดระวังอีกครั้งและนำหุ้นออกขาย หลังจากสามารถเดินหน้าขึ้นได้อย่างน่าประหลาดใจเป็นเวลาสองวัน
ดัชนีดาวโจนส์ยังสามารถทำสถิติปิดสูงขึ้นในสัปดาห์แรกของปี 2551 แม้จะร่วงลงมากกว่า 170 จุดในวันนี้ก็ตาม
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 171.44 จุด หรือ 1.38% แตะระดับ 12,207.17 จุด โดยดัชนีดาวโจนส์ได้บวกขึ้นกว่า 100 จุดในการซื้อขายช่วงแรก ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 21.46 จุด หรือ 1.59% แตะระดับ 1,330.61 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 34.72 จุด หรือ 1.47% ปิดที่ 2,326.20 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 4.78 พันล้านหุ้น ลดลงจากเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5.48 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 2
นักลงทุนคึกคักในการซื้อขายช่วงเปิดตลาด ส่งให้ดัชนีหลักๆปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 1% หลังจากรายงานผลประกอบการที่สดใสของบ.ไมโครซอฟท์ แต่ก็สามารถช่วยให้หุ้นเดินหน้าขึ้นได้เพียงไม่นาน อย่างไรก็ดีการปรับตัวลงก็ไม่น่าแปลกใจนักเนื่องจากนักลงทุนเลือกที่จะไม่ทำการซื้อขายก่อนปิดตลาดช่วงสุดสัปดาห์
ทั้งนี้ หุ้นไมโครซอฟท์ปิดลดลง 31 เซนต์ แตะ 32.94 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนไหวในแดนบวกเกือบตลอดทั้งวัน โดยบริษัทได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงินที่เหลือ ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมิ.ย.นี้ และรายงานว่าผลประกอบการรายไตรมาสของบริษัทกระโดดขึ้นถึง 79% ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายนอกสหรัฐที่โตขึ้นอย่างมาก
"นักลงทุนอาจพยายามมองหาช่องทำกำไรในตลาดที่มีความผันผวน ซึ่งก็จะมีความเคลื่อนไหวมากมายในสัปดาห์หน้า" สกอตต์ ฟูลแมน ผู้อำนวยการฝ่ายยุทธศาสตร์การลงทุนจาก I.
A. Englander & Co. กล่าว
โดยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช มีกำหนดการแถลงนโยบายประจำปีในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ก็จะจัดการประชุมครั้งแรกของปี 2551 ในวันอังคารและวันพุธ จากนั้นกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานในวันศุกร์
แม้ดัชนีจะถอยร่นลง แต่ก็ถือว่าบรรยากาศของตลาดวอลล์สตรีทในวันศุกร์แตกต่างอย่างมากจากความรู้สึกหดหู่ที่แวดล้อมตลาดเมื่อเริ่มต้นสัปดาห์ โดยขณะที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการในวันจันทร์เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง ตลาดหุ้นเอเชียและยุโรปต่างพากันดิ่งลงท่ามกลางความกลัวว่าเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว และเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงแรงเทขายแบบเดียวกันในตลาดหุ้นสหรัฐ เฟดจึงได้ตัดสินใจประกาศลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินก่อนตลาดเปิดทำการในวันอังคาร
การยื่นมือของเฟดด้วยการลดดอกเบี้ยถึง 0.75% ลงมาสู่ 3.5% นั้น ก็ได้ช่วยพยุงความเชื่อมั่นของนักลงทุนและสามารถทำให้ตลาดปิดขยับขึ้นจากระดับต่ำสุดในการซื้อขายวันนั้น และในวันรุ่งขึ้น ดัชนีดาวโจนส์ก็ดีดตัวขึ้นอย่างรุนแรงถึง 630 จุดจากแรงซื้อที่ส่งเข้ามาจนทำให้ตลาดปิดทะยานขึ้นและต่อเนื่องไปจนถึงวันพฤหัสบดี
ทั้งนี้ เป็นที่คาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมสัปดาห์หน้า ซึ่งนักวิเคราะห์หลายรายคาดว่าจะลดลงที่อัตรา 0.50%
การที่ตลาดปิดลบในวันนี้อาจเป็นลักษณะเดียวกันกับการปรับฐานที่ผ่านมาๆในอดีต คือหลังจากที่ตลาดทะยานขึ้นก็มักจะตามมาด้วยการปรับตัวลง โดยนักวิเคราะห์หลายรายมองว่าเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงสภาพทั่วไปของตลาด อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในภายหน้าก็อาจทำให้นักลงทุนต้องใช้เวลาหลายเดือนก่อนการตัดสินใจที่ทำให้ตลาดปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งอีกครั้ง
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--