SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,633.21 จุด เพิ่มขึ้น 7.70 จุด (+0.47%) มูลค่าการซื้อขาย 38,623.06 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นตอบรับความชัดเจนทางการเมือง หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติในช่วงบ่ายให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ ส่งผลให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อในตลาดคึกคักมากขึ้นกว่าช่วงเช้า แต่การปรับขึ้นยังอยู่ในกรอบจำกัดหลังจากที่ตลาดยังรอปัจจัยจากต่างประเทศ ทั้งกรณีการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ที่คาดว่าจะใกล้บรรลุข้อตกลงในเร็ววันนี้ และกรณี Brexit ซึ่งน่าจะยังทำให้ดัชนีแกว่งตัวกรอบแคบต่อไปในการซื้อขายวันพรุ่งนี้ โดยมองแนวรับที่บริเวณ 1,620 และแนวต้านที่ 1,640 จุด
ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,633.21 จุด เพิ่มขึ้น 7.70 จุด (+0.47%) มูลค่าการซื้อขาย 38,623.06 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,635.77 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,623.32 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 690 หลักทรัพย์ ลดลง 591 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 505 หลักทรัพย์
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยตอบรับเชิงบวกหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติ ขณะที่ตลาดปรับตัวลงไปแล้วเมื่อวานนี้จากคาดการณ์เรื่องการยุบพรรคและเมื่อผลออกมาตามคาดก็ทำให้ภาพการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดมีลักษณะของ Buy on Fact หนุนให้ดัชนีฟื้นตัวกลับขึ้นมา ด้วยวอลุ่มที่คึกคักขึ้นในช่วงบ่ายจากที่ค่อนข้างซบเซาในภาคเช้าระหว่างรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ ตลาดตอบรับค่อนข้างดีพอสมควรต่อภาพการเมืองที่มีความชัดเจนขึ้น แต่ก็ยังกังวลต่ออนาคตของพรรคการเมืองอื่น ๆ ที่ยังมีการฟ้องร้องกันอยู่เช่นกัน รวมถึงยังมีประเด็นต่างประเทศที่ยังต้องจับตาดูอยู่ทั้งในส่วนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ที่คาดว่าจะใกล้บรรลุข้อตกลงในเร็ววันนี้ รวมถึงกรณีการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคยังแกว่ง Sideway จากความกังวลต่อปัญหาสงครามการค้าด้วย
ส่วนแนวโน้มการซื้อขายวันพรุ่งนี้ คาดว่าดัชนีจะแกว่ง Sideway ถึงปรับขึ้นในกรอบจำกัด ซึ่งนอกเหนือจากต้องติดตามความคืบหน้าจากปัจจัยต่างประเทศแล้ว การที่โบรกเกอร์ทยอยปรับลดกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ท่ามกลาง Valuation หุ้นที่ไม่ได้ถูก ก็อาจทำให้เห็นดัชนีอ่อนตัวลงได้หรือรีบาวด์ในกรอบจำกัด โดยมองแนวต้านบริเวณ 1,640 จุด และแนวรับ 1,620 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,187.16 ล้านบาท ปิดที่ 47.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,386.39 ล้านบาท ปิดที่ 77.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,251.02 ล้านบาท ปิดที่ 69.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,188.59 ล้านบาท ปิดที่ 192.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,014.02 ล้านบาท ปิดที่ 131.00 บาท ลดลง 0.50 บาท