นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า แนวโน้มการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยเช้านี้ยังมีภาพของการอ่อนตัว และเคลื่อนไหวในกรอบแคบ หลังจากตลาดหุ้นภูมิภาคเช้านี้ทั้งตลาดหุ้นญี่ปุ่น และเกาหลี เปิดมาปรับลดลงในเกณฑ์ 0.5-0.8% ตามดัชนีดาวโจนส์ที่ร่วงลงเมื่อคืนนี้ จากการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนในปีนี้
ส่วนปัจจัยในประเทศเรื่องความชัดเจนทางการเมืองที่มีมากขึ้น หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคไทยรักษาชาตินั้น ตลาดได้รับตอบรับไปบางส่วนแล้ว หลังจากนี้ก็จะเป็นการเดินหน้าตามกระบวนการเพื่อมุ่งสู่การเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.นี้ อย่างไรก็ตามในส่วนของแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่ชะลอตัวลงหลังจากเคยขายในระดับหลักพันล้านบาท เหลือกว่า 500 ล้านบาทเมื่อวานนี้ รวมถึงเห็นการเปิดสถานะ long ในตลาดอนุพันธ์เข้ามา และราคาน้ำมันที่ขยับขึ้นเมื่อวานนี้ ก็อาจทำให้นักลงทุนเข้ามาหาจังหวะซื้อเมื่อดัชนีปรับตัวลงมาบริเวณแนวรับ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ช่วยประคองตลาดได้
พร้อมให้แนวรับที่ 1,625 และ 1,617 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,643-1,647 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (7 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,473.23 จุด ลดลง 200.23 จุด (-0.78%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,748.93 จุด ลดลง 22.52 จุด (-0.81%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,421.46 จุด ลดลง 84.46 จุด (-1.13%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 116.84 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 68.08 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 370.31 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 37.40 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 12.99 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 25.08 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.82 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 มี.ค.62) 1,633.21 จุด เพิ่มขึ้น 7.70 จุด (+0.47%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 574.73 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 มี.ค.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (7 มี.ค.62) ปิดที่ 56.66 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 44 เซนต์ หรือ 0.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 มี.ค.62) ที่ 4.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.86 อ่อนค่าจากวานนี้ หลังดอลล์แข็งค่าเทียบสกุลหลัก ตลาดรอตัวเลขจ้างงานฯสหรัฐคืนนี้
- ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กรณีที่เสนอพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล ในรายชื่อบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรค ซึ่งอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เนื่องจากพระบรมวงศ์ศานุวงศ์ตั้งแต่ชั้นพระองค์เจ้าขึ้นไปย่อมดำรงอยู่เหนือการเมือง นอกจากนั้นศาลรัฐธรรมนูญยังมีมติ 6 ต่อ 3 ให้เพิกถอนสิทธิการลงสมัครรับเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติเป็นเวลา 10 ปีนับตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรค
- "สมคิด"มั่นใจยุบพรรค ทษช.ไร้ผลกระทบลงทุน ขณะ"อภิศักดิ์"เชื่อไม่มีผลต่อเศรษฐกิจ ย้ำชัดยังสามารถเลือกพรรคอื่นได้ ด้านภาคเอกชนฟันธงไม่ส่งผล ต่อธุรกิจและการเลือกตั้ง เหตุคนมองยาวถึงหลังการเลือกตั้งแล้ว
- รฟท.จัดสัมมนาวานนี้ เพื่อรับฟังความคิดเห็นของนักลงทุน(Market Sounding) ในโครงการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเบื้องต้น การพัฒนาพื้นที่ย่านสถานีธนบุรี ตาม พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 ซึ่งในย่านสถานีธนบุรีมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 120 ไร่ ซึ่งแบ่งเป็น 4 โซน โดยจะนำโซน 3 มีเนื้อที่ 21 ไร่ 3 งาน 65.22 ต.รว.เปิดประมูลก่อน โดยแนวคิดการพัฒนารูปแบบ Mixed User Project ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับโรงพยาบาล หรือ Health & Wellness และโรงแรมที่พักอาศัย ศูนย์สุขภาพ ร้านค้า เพราะพื้นที่รอบข้างมีศักยภาพสูง ซึ่งจะสรุปการศึกษาในเดือนเม.ย.และนำเสนอตามขั้นตอน PPP โดยมีเป้าหมายเปิดให้บริการในปี 2565-2566
- กฎหมายการบินฉบับใหม่คลอด เม.ย.นี้ เปิดเสรีต่างชาติถือหุ้น 100% ผลิต-ซ่อมอากาศยานเริ่มใช้ พ.ค.'กบร.'ไฟเขียวแผนชาติด้านความปลอดภัยการบิน เผยเที่ยวเมืองรองผ่าน 23 สนามบิน แค่ 15 ล้านคน ใช้บริการสนามบินเชียงรายเยอะสุด ผุดมาตรการเสริมเปิด 6 สนามบิน ดึงคนมาเลย์-อินโดฯเที่ยวเมืองรองภาคใต้
- กกพ.ใจดีตรึงค่าเอฟทีต่อเนื่อง เผยงวด พ.ค.-ส.ค.ไม่ขยับ หลังดึงเงินอุดหนุนกว่า 4 พันล้านบาท ส่งผลค่าไฟฟ้าเรียกเก็บกับประชาชนยังคงเดิมที่ 3.6396 บาท/หน่วย ด้านโซลาร์ภาคประชาชนนำร่อง 100 เมกะวัตต์ คาดออกรายละเอียด มี.ค.นี้
- บล.ไทยพาณิชย์ คาดการณ์ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยในปี 62 จะอยู่ที่ระดับ 1,700-1,800 จุด และเชื่อว่าในไตรมาส 2-3 จะเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นสูงสุดในปีนี้ เนื่องจากกระแสเงินทุนต่างชาติกลับเข้ามาสู่ตลาดหุ้นไทยช่วงปลายเดือน มี.ค. 30,000-40,000 ล้านบาท จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนคลี่คลาย รวมถึงสถานการณ์เบรกซิตและความชัดเจนการเลือกตั้งไทย และจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน แต่หากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เป็นปัจจัยส่งผลกระทบต่อดัชนีตลาด หลักทรัพย์ไทยไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้จะส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,550 จุด
*หุ้นเด่นวันนี้
- MINT (ทรีนีตี้) แนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 46.70 บาท ปรับคาดการณ์รายได้ปี 2562 ขึ้นเป็น 9.22 หมื่นล้านบาท จากการการควบรวมงบการเงินของ NH Hotel และคาดว่ากำไรสุทธิปี 2562 ที่ 6.44 พันล้านบาท เติบโต 18.30% YoY แต่ปรับลด EBITDA Margin ลงในส่วนของโรงแรมลง และดอกเบี้ยจ่ายขึ้น โดยระดับ D/E ณ สิ้นปี 2561 อยู่ที่ 1.57X และ MINT ตั้งเป้าไว้ว่าจะปรับลงมาอยู่ที่ระดับ 1.3x ภายในสิ้นปี 2562 ด้านร้านอาหาร เชื่อว่าปี 2562 จะมี Margin ที่สูงขึ้นจากการปิดสาขาที่ขาดทุนไปแล้ว อย่างไรก็ตามระยะสั้น ผลประกอบการ MINT จะถูกกดดันจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แต่เนื่องจากการ Consolidate ผลดำเนินงานของ NH Hotel จะส่งผลให้กำไรของ MINT สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
- UNIQ (ไอร่า) แนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 15.20 บาท คาดรายได้ปี 62 ส่วนใหญ่มาจาก Backlog สิ้นปี 61 อยู่ที่ 30,000 ล้านบาท หลักๆ คาดรับรู้งานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม (สัญญา 4 และ 6) และรถไฟทางคู่เส้นทางลพบุรี-ปากน้ำโพ (สัญญา 1 และ 2) ดีขึ้นตามลำดับ ตามระยะเวลางานก่อสร้างที่คาดคงเหลือ ประมาณ 2 ปี คาด GPM เฉลี่ย 19.20% ใกล้เคียงปี 61 แต่ยังถูกกดดันจากดอกเบี้ยจ่าย คาดทรงตัวในระดับสูง อยู่ที่ 623 ล้านบาท ทำให้คาดกำไรสุทธิ 818 ล้านบาท + 3.0% อย่างไรก็ตามแม้ UNIQ ยังเผชิญความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนการเปิดประมูลโครงการของภาครัฐ ซึ่งอาจส่งผลต่อ Backlog และทำให้การรับรู้รายได้ไม่ต่อเนื่อง แต่จากความสามารถในการทำกำไรของ UNIQ ที่โดดเด่นเมื่อเทียบกับ ITD, CK และ STEC
- CHAYO (โกลเบล็ก) แนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 4.80 บาท โดยคงประมาณการกำไรสุทธิปี 62 ที่ 108 ล้านบาท เติบโต 26%YoY โดยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากกองสินทรัพย์ด้อยคุณภาพมูลค่าราว 10,000 ล้านบาท ที่ประมูลมาในช่วงปี 61 และเติบโตจากบริษัทย่อยที่ก่อตั้งใหม่ในปี 61 ได้แก่ บริษัทชโยแคปปิตอล ซึ่งจะดำเนินธุรกิจปล่อยสินเชื่อและบริษัท ชโย พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ เซอร์วิส ซึ่งจะดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สำหรับปี 62 บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ราว 1,300 ล้านบาท เพื่อใช้ในการประมูลกองสินทรัพย์ด้อยคุณภาพราว 1,000-1,250 ล้านบาท คาดจะได้เป็นกองสินทรัพย์ด้อยคุณภาพมูลค่าราว 10,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นชนิดมีหลักประกันราว 70% และไม่มีหลักประกันราว 30% และใช้เป็นเงินทุนในธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์อีกราว 200-250 ล้านบาท คาดจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วง 2H62