นายชาญชัย กงทองลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทรีนีตี้ ในกลุ่มบมจ.ทรีนีตี้ วัฒนา (TNITY) เปิดเผยว่า ทรีนีตี้เตรียมเปิดขายกองทุนส่วนบุคคล ทรีนีตี้ เอเชียน ไพรเวท ฟันด์ (Trinity ASIAN Private Fund) บริหารกองทุนโดย AZ Investment Management Singapore (AZIM) โดยใช้เงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 2 ล้านบาท มีระยะเวลาการลงทุน 1 ปี คาดให้ผลตอบแทนประมาณ 8% และคาดว่าจะเริ่มการลงทุนตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562 โดยเปิดให้จองตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม ถึงวันที่ 31 มีนาคมนี้
สำหรับ AZIM เป็นบริษัทในเครือ AZIMUT GROUP เป็นผู้นำการบริหารจัดการสินทรัพย์และการลงทุนในยุโรป โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมูลค่ากว่า 6.27 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ จากการลงทุนใน 105 กองทุน นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในดัชนีราคาหุ้นหลักของตลาดหลักทรัพย์ประเทศอิตาลี (FTSE MIB 40) และดัชนีหุ้นหลักของประเทศยุโรป (Eurostoxx600 ) ด้วยมูลค่าตามราคาตลาดกว่า 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีความชำนาญในการบริหารกองทุน 16 ประเทศ จาก 4 ภูมิภาค ด้วยทีมงานผู้บริหารกองทุน Fund Manager ที่มีประสบการณ์การคัดเลือกหุ้นได้ถูกตัวในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม
นายชาญชัย กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปี 2562 เป็นต้นมา เศรษฐกิจโลกเริ่มเติบโตช้าลงจากปีก่อน เหลือประมาณ 3.5% และมีแนวโน้มเป็นเชิงลบ เนื่องจากผลกระทบจากสงครามทางการค้าของสหรัฐฯ และจีน รวมถึงความเสี่ยงด้านการเมืองและวัฎจักรทางเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงขาลง ขณะเดียวกันตลาดเอเชียมีความน่าสนใจในการลงทุน ด้วยประชากรในแถบประเทศในภูมิภาคเอเชีย มีจำนวนมากนับเป็น 58% ของประชากรโลกทั้งหมด ทำให้เศรษฐกิจของเอเชียนั้นมีขนาดใหญ่ทัดเทียมกับหลายๆ ประเทศสำคัญของโลก ประกอบกับตลาดเอเชียที่ผ่านมา (ไม่นับรวมญี่ปุ่น) มีการเติบโตของ GDP ที่โดดเด่นมาตลอดนับตั้งแต่ปี 2523 เป็นต้นมา ทรีนีตี้จึงมองเห็นโอกาสในการลงทุนในเอเชีย และสนใจที่จะลงทุนในหุ้นบาง Sector และในหุ้นบางบริษัทในกลุ่มประเทศเอเชียที่ให้ผลตอบแทนที่ดี
"การลงทุนในกองทุนส่วนบุคคลในต่างประเทศไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก หากแต่ต้องอาศัยทีมงานบริหาร กองทุนที่มีความสามารถและมีประสบการณ์ การที่ทรีนีตี้เลือก AZ Investment Management Singapore (AZIM) มาเป็นผู้บริหารกองทุนในครั้งนี้ เพราะเห็นผลงานจากการบริหารกองทุนในชื่อ GEM ASIA ที่มีแนวโน้มว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนราว 8% ในปี 2562 และตั้งแต่ต้นปี 2562 เป็นต้นมา (ถึงวันที่ 29 มกราคม 2562) กองทุนนี้ยังคงให้ผลตอบแทนสูงถึง 9% ชนะดัชนี iShares MSCI กว่า 3.5% อีกด้วย" นายชาญชัย กล่าว
นายชาญชัย กล่าวต่อว่า หากจะเจาะลึกถึงสัดส่วนการลงทุนตามอุตสาหกรรมของกองทุน GEM Asia จะเห็นได้ว่าในปีที่ผ่านมีการลงทุนในธุรกิจหลักทั้งสิ้น 12 กลุ่ม และประสบความสำเร็จมากสูงสุด 5 กลุ่มแรก ได้แก่ Financial, Consumer Discretionary, Real Estate, Communication Services และ IT โดยการลงทุนให้ผลตอบแทนที่ Outperformed ตลาดจากการเลือกลงทุนของผู้บริหารกองทุนที่ถูกทิศทางและถูกกลุ่มธุรกิจ มีการติดตามอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด ประกอบกับการบริหารพอร์ตโฟลิโอ มีการใช้กลยุทธ์การลงทุนโดยใช้ธีม Macro เป็นหลัก และให้ความสำคัญกับเงินที่จะไหลเข้าไปที่ธีมการลงทุนต่างๆ รวมถึงการให้ความสนใจในเรื่องดอกเบี้ยและการเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน ซึ่งผลตอบแทนที่เป็นบวกของหุ้นรายตัวที่เลือกเข้ามานั้นเกิดจากความมุ่งมั่นในกลยุทธ์ และการวิเคราะห์หุ้นแบบ Bottom Up
ดังนั้น จากผลงานการบริหารกองทุนแบบมืออาชีพของ AZ Investment Management Singapore (AZIM) ทำให้บริษัทมั่นใจที่จะมอบความไว้วางใจให้มาเป็นผู้บริหารกองทุนส่วนบุคคล ทรีนีตี้ เอเชียน ไพรเวท ฟันด์ และคาดว่ากองทุนดังกล่าวจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ทัดเทียมกับ กองทุน GEM ASIA ด้วยเช่นกัน และจะเป็นทางเลือกในการลงทุนให้กับลูกค้าที่ต้องการกระจายความเสี่ยง และผสมผสานพอร์ตลงทุนไปลงทุนยังต่างประเทศอีกด้วย