นายสมพล เอกธีรจิตต์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ลีซ อิท (LIT) เปิดเผยว่า ภาพรวมของทิศทางกลยุทธ์ปี 62 บริษัทจะมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable Growth) และมุ่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน (Increase Competitiveness) ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการความเสี่ยง (Risk Management) ภายใต้แผนการดำเนินธุรกิจระยะยาว (Road Map 61-63) โดยในปี 62 บริษัทมีเป้าหมายที่จะเติบโตในเชิงของรายได้ 10-20% และยังทำสถิติสูงสุดตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ
ขณะที่มีมูลค่าพอร์ตลูกหนี้สินเชื่อรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นให้ได้ถึง 2,930 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 2,547.73 ล้านบาท รวมทั้งมีเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อมากกว่า 13,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 10,980.26 ล้านบาท
นายสมพล กล่าวต่อว่า บริษัทยังคงมุ่งมั่นพัฒนาสินเชื่อใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเอสเอ็มอี อีกทั้งมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินครบวงจร และเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้ครอบคลุมตั้งแต่สินเชื่อต้นน้ำ สินเชื่อกลางน้ำ และสินเชื่อปลายน้ำ (Variety of Product) รวมทั้งบริษัทจะใช้ช่องทาง Digital Marketing หาลูกค้าใหม่ และในปีนี้คาดว่าจะสามารถเปิดวงเงินให้กับลูกค้าที่ได้รับจากช่องทางดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วน 10% ของจำนวนลูกค้ารายใหม่
ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ในระหว่างการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มีความสะดวก และรวดเร็วขึ้น สนองความต้องการของลูกค้าได้รับอนุมัติสินเชื่อในเวลาเร็วกว่าเดิมมากขึ้น อีกทั้ง บริษัทฯได้มีการปรับโครงสร้างภายในองค์กรให้มีความคล่องตัวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มีความรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้ลูกค้ามีความสะดวกรวดเร็วในการทำธุรกรรมทางการเงินเพิ่มขึ้นอีกด้วย
"แนวโน้มสินเชื่อและรายได้ปีนี้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 นับจากวันที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เนื่องจากเรามีจุดแข็งที่แตกต่างจากคู่แข่ง สามารถพิจารณาสินเชื่อให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และที่สำคัญโปรดักส์ของเราสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ"นายสมพล กล่าว
ขณะเดียวกัน บริษัทมีการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเข้มงวด โดยมีนโยบายตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญในสัดส่วน (Reserve) 6-7% ของยอดลูกหนี้คงเหลือสุทธิจากหลักประกันเพื่อรองรับมาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS9 ที่จะนำมาใช้ และบริษัทมั่นใจว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว เพราะมีการบริหารจัดการพอร์ตสินเชื่อเพื่อกระจายความเสี่ยงไว้เป็นอย่างดี โดยในปีนี้บริษัทคาดว่าจะตั้งสำรองใกล้เคียงจากปี 61 ที่ 70 ล้านบาท
นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าบริษัทจะเพิ่มการสำรองหนี้สงสัยจะสูญในอัตราที่สูงขึ้น แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความพยายามของบริษัทที่จะยกระดับผลงานให้ดีอย่างต่อเนื่อง และมีกำไรสุทธิสูงขึ้น เหนือการตั้งสำรองอยู่ตลอดก็เพื่อต้องการให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
++"สำหรับ NPL จะลดลงมาจาก 2 วิธี คือ ปล่อยสินเชื่อให้มากขึ้น และการแก้ไขหนี้ที่มีอยู่ทั้งการขายทิ้ง การปรับโครงสร้าง โดยสิ้นปีก่อน NPL เราสูงขึ้นมาอยู่ที่ 10.39% หรือ คิดเป็นเม็ดเงินที่ 260 ล้านบาท จาก 2-3 ปีก่อนอยู่ที่ 3.45% ซึ่งมาจากปัญหาของภาวะเศรษฐกิจที่เข้ามากระทบ ทำให้ NPL เร่งตัวขึ้นสูง แต่อย่างไรก็ตามในปีนี้เราเชื่อว่า NPL จะค่อยๆ ปรับตัวลดลง โดยคาดว่าจะอยู่ที่ 7%"นายสมพล กล่าว
อนึ่ง ผลการดำเนินงานย้อนหลัง LIT นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยปี 57-61 กำไรสุทธิ 47.81 ล้านบาท 70.45 ล้านบาท 100.66 ล้านบาท 145.49 ล้านบาท และ 148.84 ล้านบาท
นายสมพล กล่าวว่า สำหรับในปี 63 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 20-30% จากปีนี้คาดมีรายได้ 499 ล้านบาท โดยบริษัทจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากภาครัฐขึ้นมาอยู่ที่ 80% จากปีก่อน 70% และภาคเอกชนจะลดลงเหลือ 20% จากปีก่อน 30% เพื่อกระจายพอร์ตและความเสี่ยงออกไป เนื่องจากงานภาครัฐจะมีความเสี่ยงที่น้อยกว่าภาคเอกชนในภาวะที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเอสเอ็มอีโดยตรง
ขณะเดียวกันบริษัทยังคงแผนการย้ายเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในต้นปี 64 จากปัจจุบันอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เพื่อต้องการให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการสร้างความน่าสนใจให้นักลงทุนสถาบันเข้ามาถือหุ้นของบริษัท