นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดปี 2561 หลักทรัพย์จดทะเบียนมียอดขายรวม 11,871,726 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.36% ขณะที่มีกำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core operating profit) 1,079,375 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.47% และมีกำไรสุทธิ 931,163 ล้านบาท ลดลง 1.45% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน
"ในปี 2561 หลักทรัพย์จดทะเบียนยังคงมียอดขายเติบโตดีขึ้นตามเศรษฐกิจในประเทศ อย่างไรก็ดี เนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดลงแรงในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ส่งผลให้ไตรมาส 4/2561 หลักทรัพย์จดทะเบียนมีกำไรสุทธิลดลง 40.8% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยเฉพาะหลักทรัพย์ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีภัณฑ์ และเหล็ก และทำให้ภาพรวมปี 2561 มีกำไรสุทธิลดลง เมื่อเทียบกับในช่วง 9 เดือนแรกปี 2561 ที่รายงานกำไรสุทธิเติบโต 13%" นายแมนพงศ์กล่าว
ด้านดัชนีชี้วัดความสามารถทำกำไรอ่อนตัวลงเล็กน้อยจากปีก่อน โดยมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานหลัก 9.09% และอัตรากำไรสุทธิ 7.40% เทียบกับในปีก่อนที่ 9.79% และ 8.25% ตามลำดับ ขณะที่ด้านฐานะการเงินของกิจการ ณ สิ้นปี 2561 พบว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) ปรับขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 1.29 เท่า จาก ณ สิ้นปี 2560 ที่ 1.24 เท่า
หมวดธุรกิจที่มีมูลค่ากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นสูง คือ หมวดธนาคารพาณิชย์ ตามการขยายตัวของสินเชื่อและมีค่าใช้จ่ายเพื่อการสำรองหนี้เผื่อสงสัยจะสูญของธนาคารขนาดใหญ่ลดลง และหมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ ที่เติบโตดีตามการขยายตัวของสินเชื่อรายย่อย
หลักทรัพย์จดทะเบียนใน SET จำนวน 533 หลักทรัพย์ หรือคิดเป็น 97.80% จากทั้งหมด 545 หลักทรัพย์ (ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน บริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด หรือ NPG) นำส่งผลการดำเนินงานงวดปี 2561 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2561 พบว่าหลักทรัพย์ที่รายงานผลกำไรสุทธิมีจำนวน 438 หลักทรัพย์ คิดเป็น 82% ของหลักทรัพย์จดทะเบียนที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด
สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2561 ของหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) มียอดขายรวม 174,363 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.64% ขณะที่มีกำไรสุทธิ 5,131 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.09% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน