นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) กล่าวว่า บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้จะเติบโต 10-15% เป็นไปตามการเติบโตของธุรกิจหลัก ทั้งธุรกิจขนส่งทางเรือ, กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง และกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร
ทั้งนี้ธุรกิจขนส่งทางเรือในปีนี้ มองว่ายังคงมีความต้องการขนส่งสินค้าเทกองอยู่ โดยประเมินจากประเทศอินโดนีเซียจะมีการนำเข้าถ่านหินเพิ่มขึ้น เพื่อผลิตเหล็ก ขณะที่ในประเทศจีน แม้ว่าจะมีการนำเข้าสินค้าสินแร่เหล็กลดลง หลังจากหันมาใช้เศษเหล็กมากขึ้น แต่ยังคงมีความต้องการถั่วเหลืองอยู่ โดยคาดความต้องการขนส่งสินค้าเทกองปีนี้จะเพิ่มขึ้น 2.2%
ส่วนดัชนีบอลติค (BDI) ปีนี้คาดว่าจะอยู่ในระดับที่ทรงตัวถึงปรับตัวลดลงเล็กน้อย จากปีก่อนที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1,353 จุด ซึ่งจะทำให้ค่าระวางเรือของบริษัทฯ เป็นไปตามทิศทางเดียวกันกับดัชนีฯ โดยปีก่อนมีอัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยอยู่ที่ 11,591 เหรียญฯ/วัน ถือว่ายังสูงกว่าต้นทุนรวมของบริษัทที่อยู่ประมาณ 7,000 เหรียญฯ/วัน ทำให้ยังมีส่วนต่างในการทำกำไรได้อีกมาก จึงเชื่อว่าจะไม่กระทบกับธุรกิจขนส่งทางเรือ ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมองโอกาสซื้อเรือเข้ามาเพิ่มเติมอีกจำนวน 2 ลำ เป็นเรือประเภท Supramax และ Ultramax จากปัจจุบันมีกองเรืออยู่ที่ 21 ลำ
นายเฉลิมชัย กล่าวถึงการออกกฎขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Organization : IMO) ที่จะให้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีสารกำมะถันในน้ำมันเชื้อเพลิงน้อยกว่า 0.5% ในการเดินเรือทั่วโลกนั้น โดยจะมีการบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.63 มองว่าน่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างแน่นอน ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ระหว่างรอดูสถานการณ์ ยังไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนแต่อย่างใด
นอกจากนี้ธุรกิจบริการนอกชายฝั่งในปีนี้ น่าจะยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากไม่มีปิดซ่อมบำรุงเรือเหมือนกับปีก่อน ทำให้มีอัตราการใช้ประโยชน์เรือเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 75% จากปีก่อนอยู่ที่ 52% ขณะเดียวกันจะเข้าประมูลโครงการอีกกว่า 100 โครงการ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 95 ล้านเหรียญฯ คาดว่าจะรับรู้รายได้ทั้งหมดในปีนี้
สำหรับงบลงทุนในปี 62 บริษัทฯ วางงบลงทุนรวมไว้ที่ 1,500 ล้านบาท โดยจะใช้ซื้อเรือเพิ่มอีก 2 ลำ และขยายสาขาธุรกิจอาหาร โดยร้านพิซซ่า ฮัท ตั้งเป้าขยายเพิ่มอีก 25 สาขา ส่วน Tacoball ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 40 สาขาภายใน 5 ปี จากปัจจุบันมีอยู่ 1 สาขา
ธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรในปีนี้ แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ทำให้ความต้องการปุ๋ยในประเทศปรับตัวลดลง แต่การส่งออกยังเติบโตได้ดี ประกอบกับยังมีผลิตภัรณ์เคมีอื่นๆ ที่เข้ามาชดเชยปุ๋ย