นายชาญวิทย์ อนัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พริมา มารีน (PRM) เปิดเผยว่า จากแนวโน้มอุตสาหกรรมการให้บริการเรือขนส่งปิโตรเลียมทางทะเลในปีนี้ที่ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง สะท้อนจากอัตราค่าบริการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งและกักเก็บน้ำมันดิบ (FSU) ที่มีสัญญาณเชิงบวกที่ชัดเจน โดยที่ผ่านมาเริ่มมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเรือ FSU เพื่อกักเก็บและผสมน้ำมันเตาให้ได้ค่ากำมะถันต่ำ (0.5%) ตามข้อกำหนดของ IMO ที่จะเริ่มบังคับใช้ในปี ค.ศ.2020 ทำให้แนวโน้มต่อจากนี้ลูกค้าจะมีความต้องการใช้เรือ FSU ในตลาดเพิ่มขึ้น จึงเป็นโอกาสของ PRM ในการรุกธุรกิจ
ทั้งนี้ บริษัทเดินหน้าลงทุนซื้อเรือ FSU ขนาดประมาณ 300,000 DWT (VLCC) เข้ามาให้บริการเพิ่มเติมอีก 1 ลำ เพื่อรองรับปัจจัยบวกดังกล่าว จากปัจจุบันที่บริษัทมีเรือ FSU ให้บริการอยู่แล้วจำนวน 5 ลำ โดยมีอัตราการใช้บริการ ณ สิ้นเดือน ธ.ค.61 อยู่ในระดับมากกว่า 95% ซึ่งรับเรือลำใหม่เสร็จสิ้นเมื่อต้นเดือน มี.ค.62 อันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและจะเริ่มรับรู้รายได้จากเรือลำใหม่ได้ภายในเดือน เม.ย.62
"สัญญาณการฟื้นตัวของการใช้บริการเรือ FSU จากข้อกำหนดของ IMO มาเร็วกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ ประกอบกับลูกค้ามีความต้องการใช้เรือเพิ่มขึ้นอย่างมาก เราจึงเร่งดำเนินการลงทุนจัดหาเรือ FSU เพิ่มอีก 1 ลำทันที และกำลังศึกษาโอกาสทางธุรกิจในการจัดหาเรือ VLCC เพิ่มอีก 1 ลำ เพื่อรองรับความต้องการใช้บริการที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเชื่อว่าด้วยสัญญาณเชิงบวกและแผนงานของเราในกลุ่มธุรกิจเรือ FSU ในครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อการผลักดันภาพรวมการดำเนินงานในปีนี้ให้เติบโตตามแผน 10-15%" นายชาญวิทย์ กล่าว