โบรกเกอร์ต่างเห็นพ้องแนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ช.การช่าง (CK) หลังมีโอกาสได้รับงานใหม่มูลค่าไม่ต่ำกว่า 4-5 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะงานขนาดใหญ่ของภาครัฐ คือรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน หากกลุ่ม CP และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีข้อยุติการเจรจาข้อเสนอ จะทำให้ CK มีโอกาสได้งานราว 3-6 หมื่นล้านบาท จากมูลค่าเฉพาะงานก่อสร้างทั้งหมดราว 1 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีงานขนาดใหญ่ของภาครัฐที่จะออกมาเพิ่มเติม ได้แก่ โครงการทางด่วนพระราม 3 โครงการมอเตอร์เวย์ โครงการก่อสร้างอาคารแพทย์ของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ศูนย์การแพทย์ขอนแก่น รถไฟฟ้าสายสีแดงต่อขยาย รถไฟฟ้าสายสีส้ม โครงการรถไฟทางคู่ ซึ่งงานที่ 1-4 ได้มีการประกาศขาย TOR แล้ววงเงินก่อสร้างโดยรวมไม่ต่ำกว่า 7 แสนล้านบาท รวมทั้งมีงานภาคเอกชนที่กำลังจะทยอยออกมาอีกมาก
พร้อมทั้ง คาดว่าผลประกอบการของ CK ในช่วงไตรมาส 1/62 จะกลับสู่ระดับปกติ หลังมีรายการพิเศษจากค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร (บันทึกในส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร) และการบริจาค ซึ่งเป็นกระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในช่วงไตรมาส 4/61 ที่ผ่านมา แต่ผลประกอบการทั้งปีอาจจะลดลงจากปีก่อน เนื่องจากการรับรู้รายได้ในปีนี้ส่วนใหญ่เป็นงานเดิมที่มีอยู่ใน backlog ขณะที่งานใหม่จะส่งผลต่อผลงานในอนาคต
ราคาหุ้น CK ปิดตลาดเที่ยงวันนี้ที่ 24.90 บาท ลดลง 0.10 บาท (-0.40%) ขณะที่ SET +0.30%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ทิสโก้ ซื้อ 40.00 ฟิลลิปฯ ซื้อ 33.00 เคจีไอฯ Outperform 31.00 ทรีนีตี้ ซื้อ 32.00 เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ T-Buy 31.00 หยวนต้าฯ ซื้อ 32.00 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 32.00 เอเชีย เวลท์ ถือ 28.00 ดีบีเอสฯ ซื้อ 30.00 เคทีซีมิโก้ ซื้อ 34.00
นางสาววิชชุดา ปลั่งมณี นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทมีโอกาสที่จะได้รับงานใหม่มูลค่าไม่ต่ำกว่า 4-5 หมื่นล้านบาท โดยงานขนาดใหญ่จากภาครัฐที่จะออกมา คือรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน ซึ่งอยู่ระหว่างการหาข้อยุติระหว่างกลุ่ม CP และ รฟท. กรณีผลสรุป CP ยอมรับเงื่อนไขของ TOR จากมูลค่าเฉพาะงานก่อสร้างราว 1 แสนล้านบาท CK มีโอกาสรับงานราว 3 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีงานที่จะออกมาเพิ่มเติม คืองานทางด่วนพระราม 3 งานมอเตอร์เวย์ งานก่อสร้างอาคารแพทย์ของโรงพยาบาลจุฬา ศูนย์การแพทย์ขอนแก่น รถไฟฟ้าสายสีแดงต่อขยาย รถไฟฟ้าสายสีส้ม โครงการรถไฟทางคู่ ซึ่งงานที่ 1-4 ได้มีการประกาศขาย TOR แล้ววงเงินก่อสร้างโดยรวมไม่ต่ำกว่า 7 แสนล้านบาท หากการประมูลคืบหน้าเป็นไปตามกรอบเวลา
"ในปีนี้ CK มีโอกาสที่จะได้รับงานอีกมาก ด้วยงานขนาดใหญ่จากภาครัฐที่ออกมาจำนวนมาก และยังมีงานภาคเอกชนอื่นๆที่จะออกมาด้วย ซึ่งหลายๆงานเริ่มขาย TOR และเห็นกรอบเวลาประมูลที่จะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 2/62 ขณะที่ปัจจุบันเองบริษัทมีงานในมือ 4.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเข้ามารับรู้รายได้ราว 2.5-3 หมื่นล้านบาท โดยงานหลักมาจากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสีส้ม และไซยะบุรี"นางสาววิชชุดา กล่าว
ด้าน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ถึงแม้ว่าการเจรจาไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบินยังไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากได้ถูกปฏิเสธในบางเงื่อนไขคือ 12 รายการจากทั้งหมด 108 รายการ และได้เลื่อนไปเป็นวันที่ 19 มี.ค. ซึ่งหากการเจรจาสำเร็จจะส่งผลให้ CK ได้งานใหม่เข้ามา 5-6 หมื่นล้านบาท จะเพิ่มงานก่อสร้างในมือ (Backlog) เป็นเท่าตัวทีเดียว
แต่อย่างไรก็ตามหากกลุ่มซีพีไม่ได้โครงการไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบิน ก็ยังมีโอกาสในงานขนาดใหญ่ที่จะเปิดให้ประมูลอีกถึง 9 แสนล้านบาท อาทิเช่น รถไฟฟ้าสายสีส้มตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม รถไฟฟ้าสายสีม่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ และรถไฟทางคู่ จีน-อุบลราชธานี เป็นต้น
ทั้งนี้ ยังมองว่า CK เป็นผู้รับเหมาขนาดใหญ่ที่ประสบการณ์และความชำนาญงานก่อสร้างสูง ได้งานก่อสร้างเพิ่มจากบริษัทในกลุ่ม เช่น BEM และ CKP อีกทั้งได้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทเหล่านี้มากและมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นมากในอนาคต
ส่วน บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดว่าผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1/62 จะกลับสู่ระดับปกติ หลังมีรายการพิเศษจากค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร (บันทึกในส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร) และการบริจาค ซึ่งเป็นกระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในช่วงไตรมาส 4/61 ที่ผ่านมา
แต่อย่างไรก็ตาม รายได้และกำไรส่วนใหญ่ในปีนี้จะมาจากงานที่มีอยู่ในมือปัจจุบัน เนื่องจากงานใหม่ที่จะได้ในปีนี้จะสร้างรายได้อย่างมีนัยสำคัญในปี 63 เป็นต้นไป ทำให้คาดว่าผลประกอบการของ CK จะลดลงในปี 62 โดยส่วนแบ่งกำไรจาก BEM จะกลับมาเป็นปกติในปี 62 แต่คาดส่วนแบ่งกำไรจาก CKP จะเพิ่มขึ้นจากโครงการไซยะบุรีที่จะจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในช่วงไตรมาส 4/62 และจะรับรู้รายได้เต็มปีในปี 63