บล.เออีซี (AEC) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ส่งเสริมเทคโนโลยีการเงิน (Fin-Tech)และส่งเสริมสภาพเศรษฐกิจ กับบริษัท แคปปิตอล ทรัสต์ กรุ๊ป ลิมิเต็ด เพื่อช่วยส่งเสริมมีความแข็งแกร่งด้านการวางแพลตฟอร์มทางธุรกิจด้วยเทคโนโลยีด้านบล็อกเชน (Blockchain Technology) และเทคโนโลยีด้านการเงิน (Fintech) ขั้นสูง
ความร่วมมือของทั้ง 3 องค์กรในครั้งนี้จะนำร่องโครงการแรก ด้วยการนำเทคโนโลยี Fintech ที่พัฒนาโดย "แคปปิตอล ทรัสต์ กรุ๊ป"ในรูปแบบ "Proprietary Trading" เพื่อสร้างอาชีพใหม่ด้วยเทคโนโลยีทางการเงิน โดยได้รับการสนับสนุนจาก คณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมของเอเชียและแปซิฟิกแห่งสหประชาชาติ (UN-ESCAP)
กรอบวัตถุประสงค์ของการลงนามความร่วมมือครั้งนี้มีประเด็นหลัก 4 ประเด็น ประกอบด้วย 1. การนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ (Fintech) รวมถึงการถ่ายโอน knowledge และ know-how เข้ามาประยุกต์ใช้ในการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการเงินและการลงทุน เช่น Blockchain, Social Trading, Proprietary Trading และ iBillionaire Programme
2.การนำทุน ทั้งทุนจริงและทุนดิจิทัลระหว่างภูมิภาค อาทิ เช่น ในยุโรป, อเมริกา,เข้ามาในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศจีนและประเทศรัสเซียโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานที่ตั้งหลัก 3. ส่งเสริมการสร้างโอกาสในการทำงานและดูแลตัวเองตั้งแต่ธุรกิจ SME, Start-up และผู้สูงอายุ ตลอดจนผู้ทุพพลภาพ และ 4. ปลูกฝังการอบรมความรู้ขั้นพื้นฐานด้านการเงินและการลงทุนให้กับ SME, Start-up, ผู้สูงอายุตลอดจนผู้ทุพพลภาพ รวมถึงนักศึกษาและผู้ที่สนใจทั่วไป
นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AEC เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทจะมีรายได้จากธุรกิจฟินเทค ด้วยการเปิดตัวฟินเทคที่ใช้กับธุรกิจหลักทรัพย์ โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยี Blockchain ที่สามารถเชื่อมต่อโลกการลงทุนไว้ด้วยกัน ซึ่งมองไปที่กลุ่มนักศึกษาที่จะนำร่องไปให้ความรู้ที่มหาวิทยาลัยพายัพ และอีก 4 มหาวิทยาลัย รวมถึงกลุ่มผู้เกษียณอายุ กลุ่ม Start up และ SME โดยบริษัทจะได้ Profit Sharing ราว 5% ของกำไรการซื้อขายหุ้น
บริษัทคาดว่าในปีนี้จะพลิกกลับมามีกำไร จากปีก่อนขาดทุน 85.95 ล้านบาท หลังจากปีนี้บริษัทจะมีรายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Non-Brokered) เข้ามาเพิ่มขึ้น ได้แก่ ธุรกิจวานิชธนกิจ (Investment Banking:IB) ที่คาดว่าในปีนี้จะมีดีลควบรวมกิจการ (M&A) เข้ามามากทั้งในประเทศและในเอเชีย ธุรกิจนายหน้าซื้อขายตราสารหนี้ทั้งตลาดแรกและตลาดรอง เป็นต้น
ส่วนธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Brokered) คาดว่าสัดส่วนจะลดลงเหลือ 10% หลังจากได้ขายธุรกิจรายย่อยออกไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ยอมรับว่าคงจะยังไม่สามารถล้างขาดทุนสะสมที่มีมากกว่า 100 ล้านบาท แต่จะพยายามเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด
นายปริญญ์ เสถียรปากิรณกรณ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท Capital Trust Group กล่าวว่า ฟินเทคเป็นเทคโนโลยีทางการเงินที่ช่วยให้การเข้าลงทุนหุ้นได้ดีด้วยการใช้เทรดเดอร์ต้นแบบ โดยเป็นโมเดลการลงทุนที่ copy การลงทุนของนักลงทุนที่เก่ง หรือกองทุนที่มีผลประกอบการดี โดยผุ้ลงทุนไทยสามารถลงทุนหุ้นในต่างประเทศได้ หรือนักลงทุนต่างประเทศก็สามารถลงทุนหุ้นไทยได้ รวมทั้งเทรดทองคำ กองทุน ETF ก็ได้ด้วย โดยจะแบ่งลูกค้าเพื่ออบรม 4 ระดับที่จะเป็นการขยายฐานลูกค้ารายใหม่ อาทิ กลุ่มผู้สุงอายุ นักศึกษา หรือนักท่องเที่ยวจีน นอกจากนี้จะใช้เทคโนโลยี Block Chain ที่ SME นำสินค้าหรือบริการมาในรูปเหรียญโทเคน และสามารถซื้อหรือใช้บริการได้จริง ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการ SME ขยายฐานลูกค้าได้กว้างขวางขึ้น